ผู้นำ ๔ ทิศ
เอกสารจิตตปัญญาชุดที่ ๑ โครงการจัดตั้งวิทยาเขตนครสวรรค์ มหาวิทยาลัยมหิดล
หมวด สุนทรียสนทนา
เสรืมพงษ์ คุณาวงศ์
ผู้นำ ๔ ทิศ เป็นศาสตร์ของอินเดียนแดงที่จอร์จ เลกี (George Lakey) ได้นำมาถ่ายทอดให้ เสมสิกขาลัย เป็นการแบ่งคนตามบุคลิกภาพ ๔ แบบ ตามปกติบุคลิกภาพของคนจะปะปนกันหลายทิศในตัว แต่จะมีบางทิศโดดเด่นออกมาจึงเรียกว่าเป็นคนทิศนั้น แท้ที่จริง ลักษณะทั้ง ๔ เป็นตัวตนที่คนแต่ละคนสร้างตัวขึ้นมา ถ้าแบบแผนพลังแบบไหนใช้บ่อยๆจนกลายเป็นความเคยชิน บุคลิกลักษณะนั้นก็จะ “สิง” โดยอัตโนมัติ ผู้นำ ๔ทิศนี้ชาวอินเดียนแดงจะแทนด้วยสัตว์ ๔ ชนิด สามารถเทียบกับธาตุทั้ง ๔ของไทย และลักษณะต่างๆได้
ทิศแรกขอแนะนำคน ทิศเหนือ เป็นทิศที่แทนด้วยสัตว์ที่แข็งแกร่ง ทรงพลัง กระทิง บุคลิกธาตุไฟ เป็นคนเปิดเผย ตรงไปตรงมา กล้าแสดงออก ไม่เก็บความรู้สึก รักพวกพ้องชนิดมีเรื่องจะออกหน้าปกป้องเพื่อน ฐานการกระทำอยู่ที่ ฐานกาย มีเจตจำนง(willing)ที่มุ่งมั่น ความสำเร็จของกระทิงอยู่ที่ การลงมือทำจนงานเสร็จ ฉายา “จอมลุย” มุ่งเอางานไม่เอาคน มุมบวก- ทำการว่องไว ตัดสินใจเด็ดขาด ไม่ย่อท้อ มุมลบ-ใจร้อน กร่าง หยาบกร้านไม่ใส่ใจผู้อื่น พูดจาขวานผ่าซาก
ทิศใต้ แทนด้วยสัตว์เล็กๆชอบอยู่รวมกันเป็นหมู่ หนู บุคลิกธาตุน้ำ เป็นคนชอบเก็บความรู้สึก ไม่แสดงความต้องการของตัวเอง ใจเย็น อ่อนโยนนิ่มนวล ชอบการประนีประนอมไม่ชอบความขัดแย้ง ฐานการกระทำอยู่ที่ ฐานใจ ไวต่ออารมณ์ความรู้สึก ฉายา “ผู้หล่อเลี้ยง” ความสำเร็จของหนูอยู่ที่ ความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจกันรักกัน เอาคนมาก่อนงาน มุมบวก- ดูแลเข้าใจผู้คน เป็นกาวใจของกลุ่ม สร้างทีมงาน มุมลบ- ดูถูกตัวเอง ซ่อนตัวในมุมมืด เก็บกดจนบางครั้งต้องระเบิดออกมา
ทิศตะวันออก แทนสัตว์ที่อยู่ในที่สูงเห็นกว้างไกล เคลื่อนไหวได้รวดเร็ว อินทรี บุคลิกธาตุลม มีวิสัยทัศน์กว้างไกล เชื่อมโยงเรื่องราวได้เก่ง สนใจความรู้ในเชิงกว้าง ฐานการกระทำอยู่ที่ ฐานคิด สมองซีกขวา (จินตนาการ) ชอบคิด คิดเร็วเปลี่ยนความคิดบ่อย ไม่ชอบความซ้ำซากจำเจ ไม่ชอบทำ ฉายา “เจ้าความคิด” ความสำเร็จของอินทรีอยู่ที่การคิดใหม่ คิดเสร็จก็ถือว่าสำเร็จ มุมบวก- คิดสร้างสรรค์ แก้ปัญหาเก่ง มีมุมมองใหม่ๆเสมอ เห็นการณ์ไกลเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆได้ดี มุมลบ- ฟุ้งซ่าน เพ้อเจ้อ โลเลจับจด
ทิศตะวันตก แทนสัตว์ที่อยู่ในป่าในถ้ำ เคลื่อนไหวช้า หวงแหนพื้นที่ของตัวเอง หมี บุคลิกธาตุดิน มีกรอบคิดเป็นระบบเป็นขั้นตอน ชอบข้อมูลตัวเลข ชอบความเป็นระเบียบไม่ชอบการเปลี่ยนแปลง มีพื้นที่ของตนเองไม่ชอบให้ใครมาก้าวก่าย สนใจความรู้ในเชิงลึก ฐานการกระทำอยู่ที่ ฐานคิดสมองซีกซ้าย (ตรรกะ/ตัวเลข) ฉายา “นักเตรียมการ” ความสำเร็จของหมีอยู่ที่ การเตรียมการ มุมบวก- ละเอียดรอบคอบ เที่ยงตรงแม่นยำ รู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่สนใจ มุมลบ- จู้จี้ขี้บ่น ขี้กลัวขี้กังวล ต่อต้านการเปลี่ยนแปลง ติดกรอบแข็งตัวไม่ยืดหยุ่น หวงตำแหน่งหวงอำนาจ
ถ้าจะเปรียบพลังกระทิงเป็นมือขวา ที่เราใช้ทำการงานต่างๆได้อย่างคล่องแคล่วจนสำเร็จ มือซ้ายก็เป็นพลังหนูที่คอยหล่อเลี้ยงประคับประคองความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้คน ช่วยการทำงานสำเร็จราบรื่น ประณีตสมบูรณ์ โดยไม่กินแรงมากเกิน เท้าขวาเปรียบพลังอินทรีที่พาให้ชีวิตก้าวเดินไป เท้าซ้ายก็เปรียบกับพลังหมีที่ปักหลักให้ยืนอยู่อย่างมั่นคง หากพลังหมีสิงร่าง ชีวิตก็จะอยู่กับที่การเรียนรู้จะแคบแต่อาจจะลึก ถ้าเอาแต่ก้าวตลอดแสวงหาสิ่งใหม่โดยไม่หยุดยืนพิจารณาบ้าง ชีวิตก็อาจพลาดสิ่งดีๆได้ ทั้งสองเท้าสองมือ ถ้าทำงานสัมพันธ์กันอย่างถูกจังหวะ ชีวิตส่วนตัวและการงานก็จะเดินไปด้วยดี
มองอีกมุมหนึ่ง การเข้าใจธรรมชาติของคนแต่ละบุคลิก จะช่วยให้เรามีจุดเริ่มที่จะเรียนรู้ที่จะจัดความสัมพันธ์กับเขาได้อย่างเหมาะสม ซึ่งต้องอาศัยการเปิดใจกว้าง หรือที่บางแห่งเรียกว่ามีจิตใหญ่ เมื่อเฝ้าดูใจตัวเองบ่อยๆจนเป็นความคุ้นชิน จะเห็นที่มาของความรักชอบเกลียดชังที่เป็นต้นทางของการกระทำของเราได้
ผู้นำที่ดี จะต้องฝึกฝนตนเอง ให้สามารถบริหารพลังทั้ง ๔ ทิศ ในโอกาสที่เหมาะสม เริ่มจากการ “เห็น” ตัวเองในปัจจุบัน ฝึกรู้ตัวเท่าทันในความคิดในการกระทำของตัวเองอยู่เสมอๆ ก้าวออกจากความคุ้นชินเดิมๆ มีความเพียรพยายามรู้ตามกายใจที่สดทันการณ์อยู่เสมอ จนเป็นนายความคิดและการกระทำของตน พลิกผันพลังชีวิตสอดคล้องกับบทบาทสถานการณ์ที่จรมากระทบ แม้ว่าผู้นำ ๔ ทิศจะเป็นสิ่งที่สมมุติขึ้นมา แต่ก็ช่วยให้เข้าใจตนเองและผู้อื่นได้ดี สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่พัฒนาเปลี่ยนแปลงตนเองได้
ศาสตร์การจำแนกบุคลิก มีหลายชนิดนอกจากผู้นำ ๔ ทิศ เช่น นพลักษณ์ โหงวเฮ้ง ฯลฯ แต่การเลือกใช้ผู้นำ ๔ ทิศ เป็นการจำแนกที่จดจำได้ง่าย สิ่งสำคัญคือ การรู้จักตนเองทั้งข้อดีและเสีย จะช่วยให้เห็นสิ่งที่ต้องระวังแก้ไขตัวเอง ไม่ปักใจคิดหรือพอใจว่า บุคลิกนั้นแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้หรือไม่ควรเปลี่ยนแปลง ศาสตร์นี้เป็นความรู้ที่เชื่อมกับความรู้แขนงอื่นๆที่สัมพันธ์กับความจริงของชีวิตผู้คน ไม่อาจแยกจากวิถีชีวิตได้ และเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เพื่อเปลี่ยนแปลงตนเอง
คำเตือน
บทความนี้ แม้เขียนจากความรู้ที่รับถ่ายทอดมา และผ่านการสังเกตปฏิบัติด้วยตนเองจนเป็นความรู้ที่ตกผลึกในตัวเองแล้ว แต่สิ่งที่เขียนมาเป็นเพียง “กากความรู้” ที่พยายามถ่ายทอดผ่านตัวอักษร และสำหรับผู้อ่าน ความรู้นี้ยังเป็นเพียง “เงา” เป็นเพียง รู้จำ จนกว่าท่านจะได้นำไปใช้สังเกตพิจารณาใคร่ครวญ ในชีวิตของตนจริงๆสักระยะหนึ่ง ประสบการณ์ที่ซ้ำๆจะช่วยให้เรียนรู้ สร้างความเข้าใจที่แจ่มชัดขึ้น และซึมลึกจนอยู่ในเนื้อในตัว (tacit knowledge) เป็นความรู้จริง ของท่านอย่างแท้จริง ซึ่ง “ความรู้จริง” ที่ว่านี้เป็นความรู้ที่มีชีวิต คือเปลี่ยนแปลง เติบโต และตายได้ ตามการเติบโตของจิตใจท่านเอง
เขียน ๓๐ ต.ค. ๒๕๕๓
ปรับปรุง ๑ ๓๑ ต.ค. ๒๕๕๓
เขียนเมื่อ
4 มีนาคม 2556 | อ่าน
4223
เขียนโดย
admin