อุบาสกนั้นฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว เป็นพระโสดาบันได้กลับไปเรือน. ที่นั้นมารเนรมิตพระพุทธรูปอันประดับด้วยลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ ยืนอยู่ที่ประตูเรือนของอุบาสกนั้นแล้วส่งสาส์นไปว่า พระศาสดาเสด็จมาดังนี้. สูรอุบาสกคิดว่า เราฟังธรรมในสำนักของพระศาสดามาเดี๋ยวนี้เอง อะไรจักมีอีกหนอดังนี้แล้ว เข้าไปหาไหว้ด้วยสำคัญว่าเป็นพระศาสดาแล้วจึงได้ยืนอยู่. มารกล่าวว่า อัมพัฏฐะคำใดที่เรากล่าวแก่ท่านว่า รูปไม่เที่ยง ฯลฯ วิญญาณไม่เที่ยงดังนี้ คำนั้นเรากล่าวผิดไป เพราะเรายังไม่พิจารณาจึงกล่าวคำนั้นไป ฉะนั้นเธอจง ถือเอาว่า รูปเที่ยง ฯลฯ วิญญาณเที่ยงดังนี้เถิด. สูรอุบาสกคิดว่า ข้อที่ พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่พิจารณาไม่ทำการตรวจตราอย่างประจักษ์แล้ว พึงตรัสอะไรไปนั้นไม่ใช่ฐานะที่จะมีได้ มารนี้มาเพื่อมุ่งทำลายเราอย่างแน่นอน. ลำดับนั้น สูรอุบาสกจึงกล่าวกะมารนั้น ว่าท่านเป็นมารใช่ไหมดังนี้. มารนั้นไม่อาจที่จะกล่าวมุสาวาทได้ จึงรับว่า ใช่เราเป็นมาร ดังนี้. อุบาสกถามว่าเพราะเหตุไร ท่านจึงมา. มารตอบว่า เรามาเพื่อทำศรัทธาของท่านให้หวั่นไหว. อุบาสกกล่าวว่าดูก่อนมารผู้ใจบาปอำมหิต ท่านผู้เดียวนั้นจงหยุดอยู่ก่อน พวกมารเช่นท่าน ร้อยก็ดี พันก็ดี แสนก็ดี ไม่สามารถจะทำศรัทธาของเราให้หวั่นไหวได้ชื่อว่าศรัทธาอันมาแล้วด้วยมรรค เป็นของมั่นคงไม่หวั่นไหวเหมือนภูเขาสิเนรุซึ่งตั้งอยู่บนแผ่นดินอันล้วนแล้วด้วยสิลา ท่านจะทำอะไรในการมานี้ ดังนี้แล้วปรกมือขึ้น. มารนั้นเมื่อไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้จึงหายไปในที่นั้นนั่นเอง. คำว่า นิวิฏฺฐา นั้นพระผู้มีพระภาคตรัสหมายเอาสัทธาอย่างนั้น.
เขียนเมื่อ
31 สิงหาคม 2555 | อ่าน
2272
เขียนโดย
พระมหาวิชาญ สุวิชาโน