ขึ้นตรงต่อพระพุทธเจ้าองค์เดียว โดย พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)

ธรรมดาๆ
ตามความเป็นจริงแล้ว โลกที่เราอยู่นี้ ไม่มีอะไรทำไมใครเลย
ไม่มีอะไรจะเป็นที่วิตกวิจารณ์เลย
ไม่มีอะไรที่น่าจะร้องไห้หรือหัวเราะ
เพราะมันเป็นเรื่องอย่างนั้นธรรมดาๆ
แต่เราพูดธรรมดาได้ แต่มองไม่เห็นธรรมดา
แต่ถ้าเรารู้ธรรมะสม่ำเสมอ
ไม่มีอะไรเป็นอะไรแล้ว
มันเกิดมันดับของมันอยู่อย่างนั้น
เราก็สงบ

การปฏิบัติคืออำนาจ
พระพุทธศาสนาไม่มีอำนาจอะไรเลย
แม้นก้อนทองคำก็ไม่มีราคา ถ้าเราไม่มารวมกันว่ามันเป็นโลหะที่ดีมีราคา
ทองคำมันก็ถูกทิ้งเหมือนก้อนตะกั่วเท่านั้นแหละ
พระพุทธศาสนาตั้งไว้มีอยู่
แต่ถ้าเราไม่ประพฤติปฏิบัติ จะไปมีอำนาจอะไรเล่า
อย่างธรรมะเรื่องขันติมีอยู่
แต่เราไม่อดทนกัน
มันจะมีอำนาจอะไรไหม?

ชนะตนเอง
ถ้าเราเอาชนะตัวเอง
มันก็จะชนะทั้งตัวเองชนะทั้งคนอื่น
ชนะทั้งอารมณ์ ชนะทั้งรูป ทั้งเสียง ทั้งกลิ่น
ทั้งรส ทั้งโผฎัฐพพะ
เป็นอันว่าชนะทั้งหมด

สุขทุกข์
คนที่ไม่รู้จักสุข ไม่รู้จักทุกข์นั้น
ก็จะเห็นว่า สุขกับทุกข์นั้นมันคนละระดับ
มันคนละราคากัน
ถ้าผู้รู้ทั้งหลายแล้ว
ท่าน จะเห็นว่า
สุขเวทนา กับทุกขเวทนา
มันมีราคาเท่าๆกัน

เกิดตาย
เมื่อเราเกิดมาแล้วโยม ก็คือเราตายแล้วนั่นเอง
ความแก่กับความตายมันก็คืออันเดียวกันนั่นแหละ
เหมือนกับต้นไม้ อันหนึ่งต้น อันหนึ่งปลาย
เมื่อมีโคนมันก็มีปลาย
เมื่อมีปลายมันก็มีโคน
ไม่มีโคลนปลายก็ไม่มี
มีปลายก็ต้องมีโคน
มีแต่ปลายโคนไม่มีก็ไม่ได้
มันเป็นอย่างนั้น

งูเห่า
อารมณ์นี้ก็เหมือนกับงูเห่าที่มีพิษร้ายนั้น
อารมณ์ที่พอใจก็มีพิษมาก
อารมณ์ที่ไม่พอใจก็มีพิษมาก
มันทำให้จิตใจของเราไม่เป็นเสรี
ทำให้จิตใจไขว้เขวจากหลักธรรมของพระพุทธเจ้า

ของจริง
ธรรมของจริงของแท้ที่ทำให้บุคคลเป็นอริยะได้
มิใช่เพียงศึกษาตามตำรา
และนึกคิดคาดคะเนเอาเท่านั้น
แต่จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนั้นจริงๆ
ของจริงจึงจะเป็นของจริงขึ้นมาได้

ได้เสีย
ทุกอย่างที่เรามีอยู่เป็นอยู่นั้น
มันเป็นสักแต่ว่า อาศัย เท่านั้น
ถ้ารู้ได้เช่นนี้ ท่านว่ารู้เท่าตามสังขาร
ที่นี้แม้นจะมีอะไรอยู่ก็เหมือนไม่มี
ได้ก็เหมือนเสีย
เสียก็เหมือนได้

พิการ
เด็กทั้ง ๒ พิการ เดินทางได้
จะเข้ารกเข้าป่าก็รู้
แต่เราพิการใจ (ใจมีกิเลส)
จะพาเข้ารกเข้าป่าหรือเปล่า
คนพิการกายอย่างเด็กนี้ มิได้เป็นพิษเป็นภัยกับใคร
แต่ถ้าคนพิการใจมากๆ
ย่อมสร้างความวุ่นวายยุ่งยากแก่มนุษย์และสัตว์
ให้ได้รับความเดือดร้อนมากทีเดียว

คนดีอยู่ไหน
คนดีอยู่ที่เรานี่แหละ
ถ้าเราไม่ดีแล้ว
เราจะอยู่ที่ไหนกับใคร
มันก็ไม่ดีทั้งนั้น

ชีวิต
เมื่อเราทอดอาลัยในชีวิต
วางมันเสีย ไม่เสียดาย
ไม่กลัวตาย
ทำให้เราเกิดความสบาย และเบาใจจริงๆ

นั่งที่ไหนดี
จะนั่งหัวแถวหรือหางแถวก็ไม่แปลก
เหมือนเพชรนิลจินดา
จะวางไว้ที่ไหนก็มีราคาเท่าเดิม
และจะได้เป็นการลดทิฐิมานะให้น้อยลงไปด้วย

ไม่กลัวตาย
กลัวอะไร?
กลัวตาย
ความตายมันอยู่ที่ไหน?
อยู่ที่ตัวเราเอง
จะหนีพ้นมันได้ไหม?
ไม่พ้น ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
ในที่ มืด หรือในที่แจ้ง ก็ตายทั้งนั้น หนีไม่พ้นเลย
จะกลัวหรือไม่กลัวก็ไม่มีทางพ้น
เมื่อรู้อย่างนี้
ความกลัวไม่รู้หายไปไหน
เลยหยุดกลัว
เหมือนกับที่เราออกจากที่มืดมาสู่ที่สว่างนั่นแหละ

สอนคนอย่างไร
ทำตนให้ตั้งอยู่ในคุณอันสมควรเสียก่อนแล้ว
จึงสอนคนอื่นทีหลัง
จึงจักไม่เป็นบัณฑิตสกปรก
สอนคนด้วยการทำให้ดู
ทำเหมือนพูด
พูดเหมือนทำ


มนุษยศาสตร์
มนุษยศาสตร์ทั้งหลาย มีแต่ศาสตร์ที่ไม่มีคมทั้งนั้น
ไม่สามารจะตัดทุกข์ได้
มีแต่ก่อให้เกิดทุกข์
ศาสตร์เหล่านั้น ถ้าไม่มาขึ้นกับพุทธศาสตร์แล้ว
มันจะไปไม่รอดทั้งนั้น

หลับ-ไม่หลับ
ถ้าหลับมันก็ไม่รู้
ถ้ารู้มันก็ไม่หลับ

มรรคผล
มรรคผลยังไม่พ้นสมัย
คนโง่เท่านั้นที่ปฏิเสธว่า
ในพื้นดินไม่มีน้ำแล้วไม่ยอมขุดบ่อ

ไม้คดคนงอ
ต้นไม้เถาวัลย์ไม่เป็นพิษเป็นภัยกับใคร
คนคดคนงอนั้น ร้ายนัก
เป็นพิษเป็นภัยทั้งอยู่บ้านและอยู่วัด

หลง
คนหลงโลกคือคนหลงอารมณ์
คนหลงอารมณ์คือคนหลงโลก

นักปฏิบัติ
กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย คือนักปฏิบัติ
กินมาก นอนมาก พูดมาก คือ คนโง่

แสดงอาการ
การหัวเราะเป็นอาการของคนบ้า
การร้องไห้เป็นอาการของทารก
ฉะนั้นท่านผู้ถึงความสงบ
จะไม่หัวเราะไม่ร้องไห้

สอนอย่างไร
ทำตนให้ตั้งอยู่ในคุณอันสมควรเสียก่อน
แล้วจึงสอนคนอื่นทีหลัง
จึงจักไม่เป็นบัณฑิตสกปรก

ความอาย
เมืองนี้ยังไม่เคยมีพระบิณฑบาตเลย
เพราะเขามีความอายกันเป็นส่วนมาก
แต่ตรงกันข้ามกับเรา
เราเห็นว่า
คำที่ว่าอายนี้
เราเห็นว่า อายต่อบาป
อายต่อความผิดเท่านั้น

เมืองนอก
เราได้เดินทางไปเมืองนอก
และเมืองในนอก
และเมืองในใน
และเมืองนอกนอก
รวมสี่เมืองด้วยกัน

ที่รวมสมาธิ
เมื่อนั่งหลับตาให้ยกความรู้สึกขึ้นเฉพาะลมหายใจ
เอาลมหายใจเป็นประธาน
น้อมความรู้สึกตามลมหายใจ
เราจึงจะรู้ว่าสติมันรวมอยู่ตรงนี้
ความรู้มันจะมารวมอยู่ตรงนี้

เกาะสีชัง
เรามาอาศัยอยู่ที่เกาะนี้ คือที่พึ่งทางใน
ซึ่งเป็นที่อันน้ำคือกิเลสตัณหาท่วมไม่ถึง
แม้นเราจะอยู่บนเกาะสีชัง
แต่ก็ยังค้นหาเกาะภายในอีกต่อไป
ผู้ที่ท่านได้พบ และอาศัยเกาะอยู่ได้นั้น
ท่านย่อมอยู่เป็นสุข
ต่างจากคนที่ลอยคออยู่ในทะเล คือความทุกข์

กินแบบไหน
ฉันอาหารไม่พิจารณา
จะเป็นเหมือนปลากินเหยื่อ
ย่อมติดเบ็ด

บริขาร
บริขารทั้งปวงเป็นเครื่องประดับขันธ์ห้าเท่านั้น
การไม่รู้จักประมาณในการบริโภคบริขาร
มีความกังวลในการจัดหา
ย่อมเป็นการยุ่งยาก
ขาดการปฏิบัติธรรม
ย่อมไม่ได้รับผลอันตนพึงปรารนา

อยู่กับใคร
การคลุกคลีอยู่กับผู้มีปฏิปทาไม่เสมอกัน
ทำให้เกิดความลำบาก
ความรู้สึกจะมารวมอยู่ตรงนี้
อารมณ์เราเป็นอย่างนี้
เราจึงจะรู้จักที่รวมแห่งสมาธิ

ปล่อยลม-ได้สมาธิ-ปัญญา
เรากำหนดลมหายใจเข้าออกอย่างเดียว
เราปล่อยลมให้เป็นธรรมชาติ
อย่าไปบังคับลมให้มันยาว
อย่าไปบังคับลมให้มันสั้น
ปล่อยสภาพลมให้พอดี
แล้วดูลมหายใจเข้าออก
เมื่อปล่อยอารมณ์ได้
เสียงอะไรก็ไม่ได้ยิน
ถ้าจิตเราวุ่นวายกับสิ่งต่างๆ
ไม่ยอมรวมเข้ามา
ก็ต้องสูดลมเข้าไปให้มากที่สุด
จนกว่าจะไม่มีที่เก็บ
แล้วก็ปล่อยลมออกไปให้มากที่สุด
จนกว่าลมจะหมดในท้องสัก ๓ ครั้ง
ถ้าเรามีสติอย่างนี้
อย่างวันนี้ เข้าสมาธิสัก ๓๐ นาที หรือ ๑ ชั่วโมง
จิตใจของเรา จะมีความเยือกเย็น ไปตั้งหลายวัน
แล้วจิตจะสะอาด
เห็นอะไรจะรับพิจารณาทั้งนั้น
นี้เรียกว่าผลเกิดจากสมาธิ
สมาธิมีหน้าที่ทำให้สงบ
เมื่อจิตเราสงบแล้ว
จะมีการสังวร สำรวมด้วยปัญญา
เมื่อสำรวมเข้า ละเอียดเข้า
มันจะเป็นกำลังช่วยศีลให้บริสุทธิ์ขึ้นมาก
แล้วสมาธิก็จะเกิดขึ้นมาก
เมื่อสมาธิเต็มที่ก็จะเกิดปัญญา

ปลดทุกข์
ทุกข์มีเพราะยึด ทุกข์ยึดเพราะอยาก
ทุกข์มากเพราะพลอย ทุกข์น้อยเพราะหยุด
ทุกข์หลุดเพราะปล่อย

เรื่องของการเหาะเหินเดินอากาศ

มีผู้สงสัยถามไถ่หลวงพ่อว่า
"เขาลือว่าหลวงพ่อเป็นพระอรหันต์ เป็นแล้วเหาะได้ไหมครับ"
"แมงกุดจี่มันก็เหาะได้" ท่านตอบ
(แมงกุดจี่ - แมลงชนิดหนึ่งอยู่กับขี้ควาย)

อีกครั้งหนึ่งมีผู้ถามคล้าย ๆ กันว่า
"เคยอ่านพบเรื่องพระอรหันต์สมัยก่อน ๆ เขาว่าเหาะได้จริงไหมครับ"
"ถามไกลเกินตัวไป มาพูดถึงตอไม้ที่จะตำเท้าเราดีกว่า"ท่านกล่าว

ขอของดีไปสู้กระสุน

ทหารคนหนึ่งไปกราบขอพระเครื่องกันกระสุน
จากหลวงพ่อ ท่านบอกหน้าตาเฉยว่า
"เอาองค์นั้นดีกว่า เวลายิงกันก็อุ้มไปด้วย"
ท่านชี้ไปที่พระประธาน

เอ๊า

มีเด็กหิ้วกรงขังนกมาชวนหลวงพ่อซื้อ
เพื่อปล่อยนกในการทำบุญในสถานที่แห่งหนึ่ง
"นกอะไร เอามาจากไหน"
"ผมจับมาเอง"
"เอ๊า...จับเองก็ปล่อยเองซิล่ะ" ท่านว่า

ปวดเหมือนกัน

โยมผู้หญิงคนหนึ่งปวดขามาขอร้องหลวงพ่อเป่าให้
"ดิฉันปวดขา พลวงพ่อเป่าให้หน่อยค่ะ"
"โยมเป่าให้อาตมาบ้างซิ อาตมาก็ปวดเหมือนกัน" ท่านตอบ

อาย

ครั้งหนึ่งหลวงพ่อรับนิมนต์เข้าวัง ขณะลงจากรถ
มีท่านเจ้าคุณรูปหนึ่งเข้ามาทักว่า
"คุณชา สะพายบาตรเข้าวัง ยังงี้ไม่นึกอายในหลวงหรือ"
"ท่านเจ้าคุณไม่อายพระพุทธองค์หรือ ถึงไม่สะพายบาตรเข้าวัง" ท่านย้อน

อาจารย์ที่แท้จริง

ท่านชาคโรถูกหลวงพ่อส่งไปอยู่ประจำวัดสาขาแห่งหนึ่ง
เมื่อมีโอกาสหลวงพ่อได้เดินทางไปเยี่ยม
"เป็นไงบ้าง ชาคโร ดูผอมไปนะ" หลวงพ่อทัก
"เป็นทุกข์ครับหลวงพ่อ" ท่านชาคโรตอบ
"เป็นทุกข์เรื่องอะไรล่ะ"
"เป็นทุกข์เพราะอยู่ไกลครูบาอาจารย์เกินไป"
"มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นอาจารย์ทั้งหก
อาจารย์ฟังให้ดี ดูให้ดี เขาจะสอนให้เราเกิดปัญญา

อาจารย์นกแก้วนกขุนทอง

สมัยนี้มีครูบาอาจารย์สอนธรรมะมาก บางอาจารย์อาจสอนคนอื่นเก่ง
แต่สอนตนเองไม่ได้ เพราะว่าสอนด้วยสัญญา (ความจำได้หมายรู้)
จำขี้ปากคนอื่นเขามาสอนอีกที
หลวงพ่อเคยแสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า
"เรื่องธรรมะนี่จริงๆแล้ว ไม่ใช่เรื่องบอกกัน
ไม่ใช่เอาความรู้ของคนอื่นมา
ถ้าเอาความรู้ของคนอื่นมาก็เรียกว่าจะต้องเอามาภาวนาให้มันเกิดชัดกับเจ้าของ
อีกครั้งหนึ่ง ไม่ใช่ว่าคนอื่นพูดให้ฟังเข้าใจแล้วมันจะหมดกิเลส
ไม่ใช่อย่างนั้น
ได้ความเข้าใจแล้วก็ต้องเอามาขบเคี้ยวมันอีกให้มันแน่นอนเป็นปัจจัตตังจริงๆ
(ปัจจัตตัง - รู้เห็นได้ด้วยตนเอง,รู้อยู่เฉพาะตน)

โรควูบ

นักภาวนาคนหนึ่งถามปัญหาภาวนาของตนกับหลวงพ่อ
"นั่งสมาธิบางทีจิตรวมค่ะ แต่มันวูบ
ชอบวูบเหมือนสัปหงกแต่มันรู้ค่ะ
มันมีสติด้วย เรียกว่าอะไรคะ"
"เรียกว่าตกหลุมอากาศ" หลวงพ่อตอบ "ขึ้นเครื่องบินมักเจออย่างนั้น"

นั่งมาก

วันหนึ่งหลวงพ่อนำคณะสงฆ์ทำงานวัด
มีวัยรุ่นมาเดินชมวัดถามท่านเชิงตำหนิ
"ทำไมท่านไม่นำพระเณรนั่งสมาธิ ชอบพาพระเณรทำงานไม่หยุด"
"นั่งมากขี้ไม่ออกว่ะ" หลวงพ่อสวนกลับ ยกไม้เท้าชี้หน้าคนถาม
"ที่ถูกนั้น นั่งอย่างเดียวก็ไม่ใช่ เดินอย่างเดียวก็ไม่ใช่ ต้องนั่งบ้าง
ทำประโยชน์บ้าง ทำความรู้ความเห็นให้ถูกต้องไปทุกเวลานาที
อย่างนี้จึงถูก กลับไปเรียนใหม่ ยังงี้ยังอ่อนอยู่มาก
เรื่องการปฏิบัตินี้ถ้าไม่รู้จริงอย่าพูด มันขายขี้หน้าตนเอง"

ยศถาบรรดาศักดิ์

ท่านกล่าวถึงสมณศักดิ์ที่ได้รับพระราชทานมาไว้ครั้งหนึ่งว่า
"สะพานข้ามแม่น้ำมูล เวลาน้ำขึ้นก็ไม่โก่ง เวลาน้ำลดก็ไม่แอ่น"

ศักดิ์ศรี

หลวงพ่อเคยปรารภเรื่องภิกษุสะสมเงินทองปัจจัยส่วนตัวว่า
"ถ้าผมสิ้นไป พวกท่านทั้งหลายค้นพบ หรือเห็นปัจจัยเงินทองอยู่ในกุฏิผม
โอ๊ย...เสียหายหมด เสียศักดิ์ศรีพระปฏิบัติ

 

มะม่วง
ถ้าพูดให้สั้นเข้ามา
ศีลก็ดี สมาธิก็ดี ปัญญาก็ดี มันก็เป็นอันเดียวกัน
ศีลก็คือสมาธิ สมาธิก็คือศีล
สมาธิก็คือปัญญา ปัญญาก็คือสมาธิ

ก็เหมือนมะม่วงใบเดียวกัน
เมื่อมันเป็นดอกขึ้นมา มันก็ดอกมะม่วง
เมื่อเป็นลูกเล็ก ก็เรียกว่าผลมะม่วง
เมื่อมันโตขึ้นมา ก็เรียกมะม่วงลูกโต
มันโตขึ้นไปอีก ก็เรียกมะม่วงห่าม
เมื่อมันสุกก็คือมะม่วงสุก
มันก็มะม่วงลูกเดียวกันนั่นแหละ
มันเปลี่ยนๆไป
มันจะโตมันก็โตไปหาเล็ก
เมื่อมันเล็กมันก็เล็กไปหาโต

มีด
สมถกับวิปัสสนา
มันแยกกันไม่ได้หรอก
มันจะแยกกันได้ก็แต่คำพูด
เหมือนกับมีดเล่มหนึ่งนะ
คมมันก็อยู่ข้างหนึ่ง
สันมันก็อยู่ข้างหนึ่งนั่นแหละ
มันแยกกันไม่ได้หรอก
ถ้าเราจับด้ามมันขึ้นมาอันเดียวเท่านั้น
มันก็ติดมาทั้งคมทั้งสันนั่นแหละ

งู
มนุษย์เราทั้งหลายไม่ต้องการทุกข์
ต้องการแต่สุข
ความจริงสุขนั้นก็คือทุกข์อย่างละเอียด
เช่นเดียวกับทุกข์ก็คือ ทุกข์อย่างหยาบ
พูดอย่างง่ายๆ
สุขและทุกข์ก็เปรียบเสมือนงูตัวหนึ่ง
ทางหัวมันเป็นทุกข์
ทางหางมันเป็นสุข
เพราะถ้าลูบทางหัวมันมีพิษ มันก็กัดเอา
ไปจับหางมันก็เหมือนเป็นสุข
แต่ถ้าจับไม่วาง มันก็หันกลับมากัดได้เหมือนกัน
เพราะทั้งหัวงูและหางงู
มันก็อยู่ในงูตัวเดียวกัน
เช่นเดียวกับสุขและทุกข์
ซึ่งเป็นสิ่งเดียวกัน

หมายังรู้
หมามันยังรู้จักอารมณ์ของมันเลย
เวลาหิวมันก็คราง หงิงๆ
ใครไม่รู้จักอารมณ์ของตัวเอ็งก็ตายเสียดีกว่า

โคตรของสมาธิ
มีอุบาสกคนหนึ่งถามหลวงพ่อว่า "ถ้าทำสมาธินี้ เอาแต่ขณิกก็พอ ไม่จำเป็นต้องไปไกล
กว่านั่นใช่ไหมครับ" หลวงพ่อชาตอบว่า "ก็ไม่เป็นไรอย่างนั้น คือหมายความว่า
มันต้องเดินไปถึงกรุงเทพฯ ก่อนว่ากรุงเทพฯมันเป็นอย่างนี้
อย่าไปถึงแค่โคราชซิ.. คือไปให้ถึงกรุงเทพฯก่อน และเราก็ผ่านอุบลราชธานีด้วย ผ่านโคราชด้วย
ผ่านกรุงเทพฯด้วย คือเรียกว่าสมาธินะ ขณิกสมาธิ อัปปณาสมาธิ มันจะถึงที่ไหนก็ให้มันถึงที่
มันจึงจะรู้จักโคตรของสมาธิ ว่ามันเป็นอย่างไร อัปปณาสมาธิที่มันมากกว่าอุปจารสมาธิ"

หัวกลอย
ให้กลับความรักที่มีอยู่ ให้กลายเป็นความรักสากล
ให้กลายเป็นความรักที่มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
รักเหมือนแม่รักลูก พ่อรักลูก แม้ผมอยู่กับพวกท่าน
ผมก็รักท่านเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน ให้ล้างความใคร่
ออกจากความรักเหมือนหัวกลอย ต้องแล่เอาพิษออกจึงกินได้
ความรักก็เช่นเดียวกัน ต้องพิจารณา มองให้เห็นทุกข์ของมัน
ค่อยๆล้างเอาเชื้อแห่งความมัวเมาออก
เพื่อให้เหลือแต่ความรักล้วนๆ เหมือนครูบาอาจารย์รักศิษย์

จิตคือควาย
เปรียบเสมือนกับการเลี้ยงควาย
จิตของเราก็เหมือนควาย
อารมณ์คือต้นข้าว
ผู้รู้เหมือนเจ้าของ
เวลาเราไปเลี้ยงควายทำอย่างไร
ปล่อยมันไป
แต่เราพยายามดูมันอยู่
ถ้ามันพยายามเดินไปใกล้ต้นข้าว
ก็ตวาดมัน
ควายได้ยินก็จะถอยออกไป
แต่เราอย่าเผลอนะ
ถ้ามันดื้อไม่ฟังเสียง
ก็เอาไม้ฆ้อนฟาดมันจริงๆ
มันจะไปไหนเสีย

วัวไม่กินหญ้าก็คือหมู
ทุกวันนี้ อาตมาไม่ค่อยได้เทศน์มาก อยู่วัดอยู่วาก็เหมือนกัน
ปีนี้เทศน์ให้แม่ชีฟังถึงสองสามครั้งหรือเปล่า ก็จำไม่ได้
พระเจ้าพระสงฆ์ก็ให้อยู่เฉยๆ ให้ดูเอาปฏิบัติเอง
ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
เพราะเข้าใจว่า คนมีศรัทธา จึงเข้ามาในวัด จึงมาบวชเป็นปะขาว
จึงมาบวชเป็นเณร จึงมาบวชเป็นพระ
เข้าใจอย่างนั้น
ถ้าเข้าใจอย่างนั้นก็เหมือนกันกับวัวเราน่ะแหละ
วัวมันกินอะไร
มันกินหญ้า
จับมันมาปล่อยในสนามหญ้าแล้ว
ถ้ามันไม่กินหญ้า มันก็เป็นหมูเท่านั้นแหละ

นักปฏิภาณ
บางครั้งหลวงพ่อชา ท่านมีจิตแจ่มใส เดาใจคนถามได้อย่างแม่นยำ จึงมักจะมีการใช้
ปฏิภาณโต้ตอบปัญหาอย่างเฉียบแหลมอยู่เสมอ

ใครรู้อัตตา
คนที่นับถือพระเจ้า ไม่ยอมรับคำสอนเรื่อง "อนัตตา" ของพระพุทธศาสนา
เหตุผลของเขาก็คือ "จะเอาอะไรมารู้อนัตตาเล่า ถ้าไม่ใช่อัตตา"
วันหนึ่ง มีชาวคริสต์มาถามหลวงพ่อว่า "ใครรู้อนัตตา"
หลวงพ่อถามกลับทันที "ใครรู้อัตตา"

นกไม่รู้เรื่องปลา
มีชาวต่างประเทศถามหลวงพ่อว่า ชีวิตพระเป็นอย่างไร?
หลวงพ่อคิดว่าตอบอย่างไรก็ไม่เข้าใจแน่ เพราะเขายังไม่รู้จักพระ
จึงตอบไปว่า
ถึงปลาจะบอกว่าอยู่ในน้ำเป็นอย่างไร
นกก็ไม่มีทางจะรู้ได้
ตราบใดที่นกยังไม่เป็นปลา

ของแปลก
ในความเคร่งเครียดในการปฏิบัติธรรม หลวงพ่อก็ยังมีแง่มุมที่ขบขันให้เราได้เห็นบ้าง
เป็นการหักมุมที่ค่อนข้างจะตื่นเต้นมาก ดังที่ท่านบันทึกไว้ในการเดินทางไปประเทศอังกฤษ
เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๒๐ ว่า

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการเดินทางในวันที่ ๖ ในขณะที่บินอยู่ เครื่องบินได้เกิดอุบัติเหตุ
ยางระเบิด ๑ เส้นบนอากาศ พนักงานการบินจึงได้ประกาศให้ผู้โดยสารเตรียมตัวรัดเข็มขัด
มีฟันปลอมก็ต้องถอดออก แม้กระทั่งแว่นตาหรือรองเท้า เครื่องบริขารทุกอย่างต้องเตรียมพร้อมหมด
ผู้โดยสารทุกคนเมื่อเก็บเครื่องบริขารทุกอย่างเสร็จแล้ว ต่างคนต่างก็เงียบ คงคิดว่าจะเป็นวาระสุดท้าย
ของพวกเราทุกคนเสียแล้ว ขณะนั้นเราก็ให้คิดว่าเป็นครั้งแรกที่เรา ได้เดินทางมาเมืองนอก
เพื่อสร้างประโยชน์แก่พระศาสนา จะเป็นผู้มีบุญอย่างนี้เทียวหรือ เมื่อระลึกได้เช่นนี้แล้ว
ก็ตั้งสัตย์อธิษฐาน มอบชีวิตให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แล้วก็กำหนดจิตรวมลงในสถานที่ควรอันหนึ่ง
แล้วก็ได้รับความสงบเยือกเย็น ดูคล้ายกับ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พักในที่ตรงนั้น จนกระทั่งเครื่องบินได้ลดระดับ
ลงมาถึงแผ่นดินด้วยความปลอดภัย ฝ่ายคนโดยสารก็ปรบมือกันด้วยความดีใจ คงคิดว่าเราปลอดภัยแล้ว
สิ่งที่แปลกก็คือ ขณะเมื่อเครื่องบินเกิดอุบัติเหตุ ต่างคนก็ร้องเรียกว่า หลวงพ่อช่วยปกป้องคุ้มครองพวกเรา
ทุกคนด้วย แต่เมื่อพ้นอันตรายแล้ว เดินลงจากเครื่องบิน เห็นประณมมือไหว้พระเพียงคนเดียวเท่านั้น
นอกนั้นไหว้แอร์โฮสเตสทั้งหมดในที่นั้น นี้เป็นสิ่งที่แปลก


เขียนเมื่อ 8 กันยายน 2555 | อ่าน 3373
เขียนโดย admin

       
 
 
  อ่าน ธรรมะวันนี้ อื่นๆ
 
เปรต วิบากกรรมของผู้ยุยงให้คนอื่นแตกแยก
เปรต วิบากกรรมของผู้ยุยงให้คนอื่นแตกแยก พระพุทธศาสนากล่าวถึงวิบากกรรมของคนที่ชอบพูดยุยงให้คนอื่นแตกแ
30/08/2565
เปิดอ่าน 6241
 
ซื่อสัตย์
เรือลำนั้นชื่อ ซื่อสัตย์
09/10/2564
เปิดอ่าน 4216
 
"ปรุง เปลี่ยน ปรับ ขยับขยาย"
"ปรุง เปลี่ยน ปรับ ขยับขยาย" พระเทพปฎิภาณวาที (เจ้าคุณพิพิธ) วัดสุทัศนเทพวราราม เจ้าคณะเขตดุสิต กทม
13/01/2563
เปิดอ่าน 5837
 
นางฟ้าตกสวรรค์
โลกมนุษย์​ ยาวนานจริงหรือ​ อย่าประมาทในการทำความดี
06/10/2562
เปิดอ่าน 9017
 
สาธุ​ คืออะไร?
สาธุ
18/04/2562
เปิดอ่าน 5576
 
ธรรมชาติแมงป่อง
ธรรมชาติแมงป่อง
14/04/2562
เปิดอ่าน 5014
 
เต่าตาบอด
เต่าตาบอด​ 100ปี​ ยื่นคอขึ้นเหนือน้ำให้ลอดแอก​ยากยิ่งนัก
02/02/2562
เปิดอ่าน 5181
 
งูกับการสวดมนต์
งูกับการสวดมนต์
20/06/2561
เปิดอ่าน 5398
 
ลอยกระทง
ลอยกระทง เป็นประเพณีสำคัญที่ชาวไทยสืบทอดกันมาช้านานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
03/11/2560
เปิดอ่าน 6177
 
เปิดกลโกง กับคนโกง 8 จำพวกในพระไตรปิฎก
เปิดกลโกงกับคนโกง 8 จำพวกในพระไตรปิฎก ประเภทของคนโกงถูกเตือนแล้วโกรธ ไม่ใช่โกงเงินทอง แต่โกงความดี
01/11/2560
เปิดอ่าน 5673
 
 
 
 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
เว็บไซต์และข้อมูลของโรงเรียนทุกโรงเรียนในเว็บไซต์นี้ สงวนลิขสิทธิ์ การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อื่นใด
ต้องได้รับการอนุญาต จากเจ้าของเว็บไซต์ก่อนเสมอ
 
สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา(สนก.)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์ 02-288-5889-90 โทรสาร 02-288-5879
Powered by ThaiAppCenter.com ศูนย์รวมแอปมือถือไทย
โครงการสถานศึกษาวิถีพุทธ สำนักงานพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
79 หมู่ที่ 1 ถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 55 ตำบลลำไทร
อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รหัสไปรษณีย์ 13170
โทรศัพท์: 083 305 2392 |
เจ้าหน้าที่เว็บไซต์เข้าสู่ระบบ
พัฒนาเว็บไซต์โดย: สคูลจ๊อบ สมัครครู ประกาศรับสมัครครู สมัครงานโรงเรียน www.schooljob.in.th