“ครูสอนดี” ผู้อุทิศตนเพื่อเด็ก “ขาดโอกาส”

ครูสอนดี” ผู้อุทิศตนเพื่อเด็ก “ขาดโอกาส”

 

ในปัจจุบันอาชีพ “ครู” ดูเหมือนว่าจะเป็นอาชีพสุดท้ายที่คนรุ่นใหม่หลายๆ คนใฝ่ฝันอยากจะเป็นทั้งนี้เนื่องจากภาพรวมของอาชีพนี้ที่ถูกมองว่าเป็นงานหนัก รายได้น้อย ไม่ได้มีหน้าตาหรือถูกยอมรับจากสังคม


“ครูสอนดี” ผู้อุทิศตนเพื่อเด็ก “ขาดโอกาส”


แต่ในขณะเดียวกันเราไม่อาจปฏิเสธว่า “คุณภาพของครู เป็นตัวกำหนดคุณภาพทางการศึกษา” ในหลายประเทศจึงให้ความสำคัญกับอาชีพครูเป็นอย่างมาก อย่างประเทศสิงคโปร์ได้มีการออกกฎหมายให้ผู้มีสิทธิ์สมัครเป็นครูต้องมาจากหัวกระทิลำดับต้นๆ ของชั้นเรียนในมหาวิทยาลัยเท่านั้น


ด้วยความสำคัญดังกล่าว “โครงการสังคมไทยร่วมกันคืนครูดีให้ศิษย์ ยกย่อง เชิดชู ครูสอนดี เพื่อยกระดับคุณภาพการเรียนการสอน” หรือ “ครูสอนดี” ภายใต้การขับเคลื่อนของสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จึงเกิดขึ้นเพื่อมุ่งปฎิรูปค่านิยมที่สังคมมีต่อครูด้วยการเชิดชูยกย่องและมอบรางวัลให้แก่ครูสอนดีเพื่อเป็นต้นแบบให้แก่ครูท้องถิ่นและครูทั้งประเทศ


แต่ความเป็น “ครู” ไม่ได้ถูกกำหนดไว้เฉพาะผู้ที่ทำงานในสถาบันศึกษาเพียงเท่านั้น “ความเป็นครู” เกิดขึ้นได้กับคนทุกสาขาอาชีพที่ทุ่มเทเสียสละในการทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนทั้งในและนอกระบบ ที่ถึงแม้กระแสโลกาภิวัฒน์จะไหลบ่าอย่างรุนแรงแค่ไหน “จิตวิญญาณของความเป็นครู” ที่มีคุณค่ามากกว่าการยืนถือชอล์กหน้ากระดานดำ ก็ไม่เคยถูกกระแสธารแห่งความเปลี่ยนแปลงพัดพาไปจนหมดสิ้นหรือเลือนหายไปจากสังคมไทย


วรัทยา จันทรัตน์ หรือ “ครูเจี๊ยบ”วรัทยา จันทรัตน์ หรือ “ครูเจี๊ยบ” ของเด็กเร่รอนและเด็กด้อยโอกาสจากชุมชนริมทางรถไฟในเขตเทศบาลเมืองนครราชสีมา ที่ทำงานเป็นครูอาสาดูแลเด็กเร่ร่อนมานานกว่า 7 ปี บอกเล่าถึงงานที่ทำว่าเปรียบเสมือนการเพาะปลูกต้นไม้หลากสายพันธุ์ ที่ต้องหมั่นเติมความรู้เป็นปุ๋ย รดน้ำด้วยความรัก และยังต้องช่วยประคับประคองให้ต้นไม้แต่ละต้นเติบโตขึ้นอย่างแข็งแรง


“อยากให้เด็กกลุ่มนี้ได้มีโอกาส ได้เรียนหนังสือ ได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนกับเด็กคนอื่นๆ ในสังคม ไม่ต้องใช้ชีวิตเร่ร่อน เป็นขอทาน เก็บของเก่าขายเพราะการศึกษาคือพื้นฐานของชีวิต ถ้ามีพื้นฐานดี ก็จะเป็นผลทำให้สิ่งอื่นๆ ในชีวิตดีขึ้น เด็กเร่ร่อนก็เป็นคนที่มีความสำคัญของสังคม ถ้าเขาได้รับการพัฒนา มีคนหยิบยื่นสิ่งดีๆ ให้ เขาก็จะมีโอกาสพัฒนาเป็นคนที่ดี เป็นคนที่มีค่าของสังคมได้”


โดยกิจกรรมหลักที่ทำงานกับเด็กกลุ่มนี้ก็คือเรื่องของการให้การศึกษา ด้วยการให้ความรู้ขั้นพื้นฐาน เพื่อให้เด็กสามารถอ่านออกเขียนได้ คนที่มีความพร้อมในการเรียนก็ส่งต่อให้เข้าเรียน แต่สิ่งสำคัญก็คือเน้นการสอนทักษะชีวิตให้เขาสามารถใช้ชีวิตเร่ร่อนได้อย่างมีคุณภาพ มีการปรับพฤติกรรมเด็กผ่านการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต เช่นการมีชีวิตอยู่ในสังคม การดูแลสุขภาพร่างกายตนเอง มีจิตสาธารณะ ไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด สร้างภูมิคุ้มกันต่างๆ ให้เกิดขึ้นในตัวของเด็ก ซึ่งจะทำให้เด็กเร่ร่อนเหล่านี้ไม่กลายเป็นปัญหาและภาระกับสังคม


“ความสุขในชีวิตของใครหลายคนอาจจะอยู่ที่การทำงานได้ค่าตอบแทนสูง แต่ความสุขของเราอยู่ที่การได้ทำงานเพื่อเด็กๆ ด้อยโอกาส ได้เป็นครูสอนวิชาชีวิตให้กับเด็กเร่ร่อน เพราะครูคือผู้ให้ ให้ด้วยการเติมเต็มความรัก เพิ่มเติมความรู้ เด็กก็เหมือนกับเมล็ดพันธ์ต้นไม้ที่เราต้องเติมเต็มปุ๋ยความรักและความรู้ เมื่อเราได้เฝ้าดูได้เห็นเขาเติบโตขึ้นเป็นคนดีในสังคมเราก็มีความสุขที่สุดแล้ว” ครูเจี๊ยบกล่าว


ด.ต.สมศักดิ์ บุญรัตน์ หรือ “พ่อครู”เช่นเดียวกับ ด.ต.สมศักดิ์ บุญรัตน์ หรือ “พ่อครู” ครูตำรวจข้างถนนของเด็กเร่ร่อนในพื้นที่กว่า 50 ชุมชนของกรุงเทพมหานคร ที่ถึงแม้ว่าอาชีพผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จะดูเหมือนว่าไม่สามารถเข้ากันได้กับพฤติกรรมของเด็กกลุ่มนี้ แต่เมื่อถอดเครื่องแบบสีกากีแล้วเดินเข้าหาหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความเมตตา ช่องว่างระหว่างปัญหาก็ดูเหมือนว่าจะแคบลง


“ทุกคนจะมองเด็กกลุ่มนี้ว่าไม่น่าไว้วางใจ ไม่ให้โอกาสเด็ก แต่ไม่เคยรู้เลยว่าปัญหาของเด็กเร่ร่อนเกิดมาเพราะอะไร ไม่มองย้อนกลับไปดูที่ต้นเหตุว่ามาจากปัญหาครอบครัว ชุมชน สิ่งแวดล้อม จริงแล้วเด็กทุกคนมีพื้นฐานจิตใจที่ดี แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเด็กมาจากการกระทำและสั่งสมของผู้ใหญ่”


ทำให้ทุกวันนี้การทำงานของครูตำรวจข้างถนน จึงมุ่งเน้นไปที่การทำงานร่วมกับชุมชนต่างๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กออกมาเร่ร่อน โดยเข้าไปสกัดกั้นที่ชุมชนและครอบครัว โดยทำให้เด็กๆ ได้รับรู้ว่าหากออกไปเร่ร่อนสร้างความเดือดร้อนให้สังคมอนาคตก็คือตายหรือติดคุก ด้วยการให้ความรู้ โดยเน้นไปที่การสอนให้เป็นคนดี สอนให้เด็กได้รู้จักคิด รู้จักผิดชอบชั่วดี ให้รู้จักคุณค่าของตัวเอง ให้ความรักและความอบอุ่น เพื่อให้เขาปรับตัวเป็นคนดี ให้สังคมยอมรับ


“ครูสอนดี” ผู้อุทิศตนเพื่อเด็ก “ขาดโอกาส”


“ทุกวันนี้ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นตำรวจเลย เพราะงานของตำรวจเป็นงานที่ทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา แต่งานของครูจิตอาสาเป็นงานที่ต้องดูแลเด็กแต่ละคนอย่างละเอียดลึกซึ้ง เป็นงานที่ท้าทายเพราะต้องทำความเข้าใจเด็กแต่ละคน ทำคนที่ไม่ดีให้เป็นคนดีกลับสู่สังคมและทำให้เด็กเหล่านี้ได้รู้จักว่าสิ่งไหนผิด สิ่งไหนถูก เพราะเราไม่รู้ว่าเด็กกลุ่มนี้จะไปก่อปัญหาให้กับสังคมเมื่อไร แทนที่จะไปไล่จับโจร เรามาหาทางป้องกันไม่ให้มันเกิดดีกว่า เพราะเมื่อคุณภาพชีวิตคนดี สังคมก็จะดี”


“จริงๆ แล้วเด็กเหล่านี้ต่างหากที่เป็นครูของเรา เพราะเขาเอาชีวิตของเขามาสอนเรา เป็นประสบการณ์ให้เราเอาไปถ่ายทอดสอนคนอื่นๆ นำไปปรับปรุงแก้ไขชีวิตของเด็กคนอื่นๆ ในชุมชน ต่อเนื่องกันไปเรื่อยๆ เด็กทุกคนจึงเป็นครูของเราที่ดีที่สุด” พ่อครูตำรวจกล่าวเหล่านี้เป็นทัศนะเพียงบางส่วนจากครูผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้ารับทุนในโครงการ “ครูสอนดี” ของ “สสค.” ที่ล้วนทุ่มเทอุทิศตนเพื่อเด็กและเยาวชนที่สะท้อนให้เห็นจิตวิญญาณของความเป็นครู ที่ไม่เคยเลือนหาย และจะถูกจุดประกายให้ส่องสว่างขึ้นมาอีกครั้งเมื่อสังคมตระหนัก เห็นคุณค่า และให้ความสำคัญกับ “ครู” ที่ไม่จำเป็นต้องเป็น “ครูอาชีพ” แต่มีความเป็น “ครู” อยู่ในหัวใจอย่างแท้จริง




ที่มา: สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน


เขียนเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2555 | อ่าน 3886
เขียนโดย admin

       
 
 
  อ่าน ความรู้คู่คุณธรรม อื่นๆ
 
หลักชาวพุทธ 12 ประการ
ปัจจุบัน ปัญหาสำคัญยิ่งอย่างหนึ่ง ซึ่งปรากฏชัดในสังคม คือการที่คนมากมายเป็นชาวพุทธกันเพียงในนาม โดยไ
27/01/2559
เปิดอ่าน 18525
 
ระเทศไทยจัดวิสาขโลก ครั้งที่ 15 เชิดชูกษัตริย์นักพัฒนา
16/10/2560
เปิดอ่าน 9755
 
วิปัสสนาเบื้องต้น
30/03/2560
เปิดอ่าน 11138
 
จิตวิทยาการแนะแนวเชิงพุทธ : แนวคิด หลักการและแนวปฏิบัติ
21/03/2559
เปิดอ่าน 15197
 
แด่ ยุวชน
แด่ยุวชน....สามสิ่งที่เธอต้องเรียนรู้และฝึกฝนสามประการแรก คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ผสมผสานเข้าไปในชีวิ
27/01/2559
เปิดอ่าน 12074
 
ครุศาสตร์ มจร.เปิดรับสมัครนิสิต ปริญญาโท สาขาจิตวิทยาการศึกาาและการแนะแนว รุ่นที่๒
22/11/2558
เปิดอ่าน 11094
 
ครุศาสตร์ มจร.เปิดรับสมัครนิสิต ปริญญาตรี สาขาการสอนพระพุทธศาสนาและจิตวิทยาแนะแนว
22/11/2558
เปิดอ่าน 11026
 
ปฏิญญากรุงเทพฯ ๒๕๕๘
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ผู้แทน ๓๔ ประเทศได้เสนอต่อที่ประชุมสมัชชา สหประชาชาติให้วันวิสาขบูชา ซึ่งตรงกับวันเพ็ญเดือนพฤษภาคม เป็นวันสำคัญสากลของโลก และขอให้มีการจัดงานฉลองที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ และสำนักงานประจำ ภูมิภาคต่างๆ ที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติได้มีมติรับรองตามนั้น (ในสมัยที่ ๕๔ วาระที่ ๑๗๔)
02/06/2558
เปิดอ่าน 11590
 
งานวิจัย : กระบวนปลูกฝังค่านิยมการบริโภคด้วยพุทธิปัญญาสำหรับวัยรุ่น
งานวิจัยนี้ได้รับการคัดเลือกในการนำเสนอผลงานในการประชุมวิชาการระดับชาติ มจร. ครั้งที่ ๑ MCU Congress 1 มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อ วันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ในหัวข้อพุทธบูรณาการเพื่อการพัฒนาจิตใจและปัญญา
15/03/2558
เปิดอ่าน 12872
 
ธรรมะรับอรุณ โดย ท่าน ว.วชิรเมธี
แผ่นดินนี้ ไม่อาจทำให้เรียบเสมอกันทั้งหมดได้ฉันใด มนุษย์ทั้งหลาย จะทำให้เหมือนทุกคนไม่ได้ฉันนั้น
09/02/2558
เปิดอ่าน 12108
 
 
 
 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
เว็บไซต์และข้อมูลของโรงเรียนทุกโรงเรียนในเว็บไซต์นี้ สงวนลิขสิทธิ์ การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อื่นใด
ต้องได้รับการอนุญาต จากเจ้าของเว็บไซต์ก่อนเสมอ
 
สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา(สนก.)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์ 02-288-5889-90 โทรสาร 02-288-5879
Powered by ThaiAppCenter.com ศูนย์รวมแอปมือถือไทย
โครงการสถานศึกษาวิถีพุทธ สำนักงานพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
79 หมู่ที่ 1 ถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 55 ตำบลลำไทร
อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รหัสไปรษณีย์ 13170
โทรศัพท์: 083 305 2392 |
เจ้าหน้าที่เว็บไซต์เข้าสู่ระบบ
พัฒนาเว็บไซต์โดย: สคูลจ๊อบ สมัครครู ประกาศรับสมัครครู สมัครงานโรงเรียน www.schooljob.in.th