เปรต วิบากกรรมของผู้ยุยงให้คนอื่นแตกแยก

- เปรต วิบากกรรมของผู้ยุยงให้คนอื่นแตกแยก พระพุทธศาสนากล่าวถึงวิบากกรรมของคนที่ชอบพูดยุยงให้คนอื่นแตกแยก ไว้อย่างน่าสนใจ ว่าตายแล้วต้องเกิดเป็น เปรต อย่างเวทนา ดังมีปรากฏในคัมภีร์เปตวัตถุ (เรื่อง เปรต ) มาดังนี้ วันหนึ่ง ขณะเดินลงจากเขาคิชฌกูฏ พระมหาโมคคัลลานะแสดงอาการแย้มให้ปรากฏ (ยิ้มน้อยๆ ให้พอรู้ว่ามีเหตุพิเศษ) พระลักขณะจึงถามว่าท่านแสดงอาการแย้มนั้นเพราะเหตุใด พระมหาโมคคัลลานะตอบว่า ?ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่จะถามปัญหานี้ ขอให้ท่านถามในสำนักพระพุทธเจ้า เมื่อกลับจากบิณฑบาตและฉันอาหารเช้าแล้ว? สุกรเปรต ตอนสายวันนั้น ขณะกำลังเข้าเฝ้าฯ พระพุทธเจ้าพระลักขณะได้ถามถึงอาการแย้มนั้นอีกครั้ง พระมหาโมคคัลลานะจึงตอบว่า ?ได้เห็นเปรตตนหนึ่งมีอัตภาพใหญ่ยาวมาก ร่างกายของมันคล้ายมนุษย์ แต่ศีรษะของมันคล้ายศีรษะสุกร หางมันเกิดที่ปาก มีหมู่หนอนไหลออกจากปากเราไม่เคยเห็นสัตว์ผู้มีรูปอย่างนี้เลย จึงยิ้ม? พระศาสดาทรงสดับดังนั้นแล้วตรัสว่า ?เราเองก็เคยเห็นสัตว์ลักษณะปานนี้ที่โพธิมณฑลเช่นกัน แต่เราไม่พูดด้วยหวังจะอนุเคราะห์คนทั้งหลาย เพราะหากเราพูดไปแล้ว คนพวกใดไม่เชื่อ ความไม่เชื่อนั้นก็จะเป็นโทษแก่เขาเอง บัดนี้เราได้โมคคัลลานะเป็นพวกแล้ว โมคคัลลานะพูดจริง เราก็เป็นพยานของโมคคัลลานะได้? ภิกษุทั้งหลายต่างทูลถามถึงบุพกรรมของสุกรเปรตตนนั้น พระพุทธองค์จึงทรงแสดงถึงอดีตกรรมของมันว่า ในสมัยแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้านามว่า ?กัสสปะ? มีพระเถระ 2 รูปจำวัดอยู่ในอาวาสแห่งหนึ่ง ทั้งสองรักใคร่นับถือกันเสมือนพี่น้องคลานตามกันมา พระมหาเถระผู้อาวุโสกว่ามีพรรษา 60 ปี ส่วนพระอนุเถระมีพรรษา 59 ปี ปฏิบัติตนประหนึ่งเป็นสามเณรของพระมหาเถระ คอยถือบาตรและจีวรให้ ตลอดจนปรนนิบัติต่อพระมหาเถระอย่างดีเสมอมา กระทั่งวันหนึ่ง พระธรรมกถึก (ผู้ชำนาญในการแสดงธรรม) ได้เดินทางมายังอาวาสนั้นและขออาศัยอยู่ด้วย พระเถระทั้งสองให้การต้อนรับด้วยความยินดี ทั้งยังเชื้อเชิญให้พระธรรมกถึกแสดงธรรมแก่พุทธบริษัทในวันธรรมสวนะหรือวันฟังธรรม จากนั้นจึงพาพระธรรมกถึกไปบิณฑบาตในหมู่บ้านใกล้เคียง เมื่อฉันอาหารเสร็จ ก็ขอร้องให้แสดงธรรม เมื่อชาวบ้านได้ฟังธรรมแล้วเกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนิมนต์พระธรรมกถึกมาฉันอาหารอีกในวันรุ่งขึ้น ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน พระมหาเถระและพระอนุเถระได้ให้การรับรองพระธรรมกถึกด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่พระธรรมกถึกนั้นใจบาป คิดชั่ว หมายจะครองอาวาสแห่งนั้นแต่เพียงผู้เดียว จึงวางอุบายให้พระเถระทั้งสองแตกคอกันจะได้ออกจากอาวาสไป แต่เนื่องจากพระธรรมกถึกรู้ดีว่าพระเถระทั้งสองมีอุปนิสัยอ่อนโยนยิ่งนัก การจะยุแยงให้ผิดใจกันอย่างบุ่มบ่ามย่อมไม่ได้ผล จึงค่อยๆ ใช้กลอุบายสร้างความระคายใจให้พระเถระทั้งสองอย่างแยบยล เย็นวันหนึ่ง พระธรรมกถึกเข้าไปหาพระมหาเถระผู้อาวุโสกว่าแล้วกล่าวว่า ?ท่าน ข้าพเจ้ามีเรื่องจะพูดกับท่านหน่อยหนึ่ง? ?มีอะไรก็พูดมาเถิด ผู้มีอายุ? พระธรรมกถึกทำทีลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวเพียงว่า ?ท่านผู้เจริญ!การพูดมีโทษมาก ข้าพเจ้าไม่พูดละ? จากนั้นพระธรรมกถึกก็เข้าไปยังสำนักของพระอนุเถระผู้อ่อนอาวุโส และกล่าวเป็นนัยให้พระอนุเถระฟังเช่นเดียวกัน พระธรรมกถึกทำทีมีลับลมคมนัยเช่นนี้อยู่สองสามวัน กระทั่งเห็นว่าพระเถระทั้งสองกระวนกระวายใจเต็มที่แล้ว จึงกล่าวว่า ?ข้าพเจ้าสงสัยว่าทำไมท่านกับพระอนุเถระจึงไม่ถูกกัน? ?ท่านสัตบุรุษ ท่านเอาอะไรมาพูด เราทั้งสองรักใคร่กันเหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน เมื่อตัวเราได้สิ่งใด พระอนุเถระก็ได้สิ่งนั้น พระอนุเถระได้สิ่งใด เราก็ได้สิ่งนั้น โทษใดๆ ของพระอนุเถระนั้นเราไม่เคยเห็นเลยตลอดกาลอันยาวนานที่อยู่ร่วมกันมา? ?อย่างนั้นหรือท่าน ถ้าอย่างนั้นทำไมพระอนุเถระจึงพูดกับข้าพเจ้าว่า ให้พิจารณาให้ดีเสียก่อนที่จะคบหากับพระมหาเถระ? พระมหาเถระได้ฟังดังนั้นก็มีใจโกรธแค้น ความรักใคร่เอ็นดูที่มีต่อพระอนุเถระแตกสลายลง ดุจภาชนะดินที่ถูกตีด้วยไม้ ส่วนพระธรรมกถึกก็ได้เข้าไปกล่าวเช่นนี้กับพระอนุเถระเช่นกัน ทำให้พระอนุเถระหมดความนับถือในตัวพระมหาเถระ เช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งคู่จึงแยกทางกันไปบิณฑบาต ขณะที่พระอนุเถระยืนอยู่ที่ศาลาอันเป็นที่บำรุง พระมหาเถระก็ไปถึงพระอนุเถระเกิดความลังเลว่า ?เราควรจะรับบาตรและจีวรของพระเถระดีหรือไม่หนอ? แต่ด้วยความที่เคยปรนนิบัติพระเถระมาโดยตลอดพระอนุเถระจึงใจอ่อน และคิดว่าไม่ควรเสียวัตรปฏิบัติอันดีที่เคยทำมา ท่านจึงเข้าไปหาพระเถระแล้วกล่าวว่า ?ขอท่านจงให้บาตรและจีวรของท่านแก่ข้าพเจ้าเถิด? แต่พระมหาเถระกลับชี้นิ้วและตวาดเอาว่า ?จงไป จงไปคนหัวดื้อ เจ้าไม่ควรรับบาตรและจีวรของเรา? พระอนุเถระจึงตอบโต้ไปว่า ?ความจริงข้าพเจ้าก็คิดอยู่เหมือนกันว่าจะไม่รับบาตรและจีวรของท่าน? ผลที่สุดพระเถระทั้งสองก็แตกคอกัน รูปหนึ่งเดินจากไปทางทิศตะวันออก ส่วนอีกรูปหนึ่งเดินจากไปทางทิศตะวันตก พระธรรมกถึกเห็นดังนั้นก็รู้สึกสมใจ แต่แสร้งกล่าวว่า?อย่าทำอย่างนี้เลยท่าน อย่าทำอย่างนี้เลย? แต่พระเถระทั้งสองก็ไม่ฟัง วันรุ่งขึ้นพระธรรมกถึกเข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้านอย่างเคย เมื่อชาวบ้านถามถึงพระเถระทั้งสอง พระธรรมกถึกจึงชี้แจงว่า ?เมื่อวานนี้ท่านทั้งสองทะเลาะกัน แตกแยกกันไปแล้ว อาตมาพยายามห้ามเท่าไรก็ไม่ฟัง? เหตุการณ์นี้ทำให้ชาวบ้านเสียใจมาก บางคนที่มีไหวพริบถึงกับตั้งข้อสังเกตว่า?ความพลั้งพลาดใดๆ ของท่านผู้เจริญทั้งสอง พวกเราไม่เคยเห็นมาก่อน ภัยที่เกิดแก่พระเถระทั้งสองคงเนื่องมาจากพระธรรมกถึกนี่เอง? ส่วนพระเถระทั้งสองเมื่อบาดหมางกันไป ก็มิได้มีความสบายใจเลย หนำซ้ำยังไม่ได้ปฏิบัติภาวนาธรรม เพราะต่างก็กังวลใจกับความแตกแยกที่เกิดขึ้น กระทั่งกาลล่วงไป 100 ปี พระเถระทั้งสองบังเอิญไปพบกันในวิหารแห่งหนึ่ง เมื่อพระมหาเถระเห็นพระอนุเถระแล้วก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้ พระอนุเถระเองก็มองพระมหาเถระผู้อาวุโสด้วยนัยน์ตาเอ่อล้นด้วยน้ำตา ท่านก้มกราบพระมหาเถระแล้วกล่าวว่า ?ข้าพเจ้าถือบาตรและจีวรของท่านอยู่เป็นเวลานาน ท่านได้เห็นมารยาทอันใดของข้าพเจ้าที่ไม่สมควรอยู่บ้างหรือ? ?ไม่เคยเห็นเลย ผู้มีอายุ? พระมหาเถระตอบ ?ถ้าอย่างนั้น เหตุใดท่านจึงพูดกับพระธรรมกถึกว่าอย่าคบหาสมาคมกับข้าพเจ้า? ?ผู้มีอายุ เราไม่เคยพูดเลย แล้วท่านเล่า เห็นความประพฤติอันไม่สมควรใดๆ ของเราหรือ? ?ไม่เคยเลย? พระอนุเถระตอบ ?ถ้าอย่างนั้น ทำไมท่านจึงพูดกับพระธรรมกถึกว่าอย่าคบหาสมาคมกับเรา? ?ข้าพเจ้าไม่เคยพูดเลย เป็นความจริง ข้าพเจ้าไม่เคยพูดเลย? พระอนุเถระยืนยันขันแข็ง เมื่อได้ทราบความจริงดังนี้ ความบาดหมางซึ่งยืดเยื้อมาเป็นเวลาถึง 100 ปีก็ระงับลง พระเถระทั้งสองล่วงรู้ถึงเจตนาร้ายของพระธรรมกถึก จึงกล่าวชวนกันว่า ?เราไปไล่พระธรรมกถึกออกจากอาวาสกันเถิด? ผลจากการยุยงให้พระเถระผู้ทรงศีลต้องผิดใจกัน ทำให้พระธรรมกถึกต้องชดใช้ผลกรรมในอเวจีมหานรกหนึ่งพุทธันดร มีร่างกายเป็นสุกรเปรตดังที่พระมหาโมคคัลลานะได้พบเห็น และแม้สมณธรรมที่ได้บำเพ็ญเพียรมา 20,000 ปีก็ไม่อาจช่วยสุกรเปรตตนนั้นได้ #ธรรมะ #อมตะธรรม #ธรรมะสอนใจ

เขียนเมื่อ 30 สิงหาคม 2565 | อ่าน 6112
เขียนโดย พระณรงค์เดช

       
 
 
  อ่าน ธรรมะวันนี้ อื่นๆ
 
ซื่อสัตย์
เรือลำนั้นชื่อ ซื่อสัตย์
09/10/2564
เปิดอ่าน 4168
 
"ปรุง เปลี่ยน ปรับ ขยับขยาย"
"ปรุง เปลี่ยน ปรับ ขยับขยาย" พระเทพปฎิภาณวาที (เจ้าคุณพิพิธ) วัดสุทัศนเทพวราราม เจ้าคณะเขตดุสิต กทม
13/01/2563
เปิดอ่าน 5807
 
นางฟ้าตกสวรรค์
โลกมนุษย์​ ยาวนานจริงหรือ​ อย่าประมาทในการทำความดี
06/10/2562
เปิดอ่าน 8953
 
สาธุ​ คืออะไร?
สาธุ
18/04/2562
เปิดอ่าน 5542
 
ธรรมชาติแมงป่อง
ธรรมชาติแมงป่อง
14/04/2562
เปิดอ่าน 4991
 
เต่าตาบอด
เต่าตาบอด​ 100ปี​ ยื่นคอขึ้นเหนือน้ำให้ลอดแอก​ยากยิ่งนัก
02/02/2562
เปิดอ่าน 5159
 
งูกับการสวดมนต์
งูกับการสวดมนต์
20/06/2561
เปิดอ่าน 5377
 
ลอยกระทง
ลอยกระทง เป็นประเพณีสำคัญที่ชาวไทยสืบทอดกันมาช้านานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
03/11/2560
เปิดอ่าน 6149
 
เปิดกลโกง กับคนโกง 8 จำพวกในพระไตรปิฎก
เปิดกลโกงกับคนโกง 8 จำพวกในพระไตรปิฎก ประเภทของคนโกงถูกเตือนแล้วโกรธ ไม่ใช่โกงเงินทอง แต่โกงความดี
01/11/2560
เปิดอ่าน 5643
 
บริษัท ๔ ป.อ.ปยุตโต
บริษัท ๔
23/09/2560
เปิดอ่าน 5085
 
 
 
 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
เว็บไซต์และข้อมูลของโรงเรียนทุกโรงเรียนในเว็บไซต์นี้ สงวนลิขสิทธิ์ การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อื่นใด
ต้องได้รับการอนุญาต จากเจ้าของเว็บไซต์ก่อนเสมอ
 
สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา(สนก.)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์ 02-288-5889-90 โทรสาร 02-288-5879
Powered by ThaiAppCenter.com ศูนย์รวมแอปมือถือไทย
โครงการสถานศึกษาวิถีพุทธ สำนักงานพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
79 หมู่ที่ 1 ถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 55 ตำบลลำไทร
อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รหัสไปรษณีย์ 13170
โทรศัพท์: 083 305 2392 |
เจ้าหน้าที่เว็บไซต์เข้าสู่ระบบ
พัฒนาเว็บไซต์โดย: สคูลจ๊อบ สมัครครู ประกาศรับสมัครครู สมัครงานโรงเรียน www.schooljob.in.th