Transformative Learningกับการพัฒนาผู้ใหญ่ระดับบริหาร
สนธิรัก เทพเรณู
การเรียนรุ้และสร้างสรรค์วิทยาการต่าง ๆ ขึ้นใหม่ เชื่อกันว่าเกิดจากการถ่ายทอดและเชื่อมโยงความรู้ส่วนบุคคล โดยการผ่านประสบการณ์ที่เป็นปัญหาด้วยตนเอง มีการตรวจสอบความสัมพันธ์ที่ตนเองเกี่ยวข้อง ประเมินผลอย่างพินิจพิเคราะห์ถึงบทบาทของตนกับความรุ้สึกที่เกิดจากความคาดหวังของสังคมในการแก้ไขปัญหา การเชื่อมโยงประเด็นที่รับรู้รับทราบไปสู่ประเด็นสาธารณะ ที่จำเป็นต้องร่วมกันแสวงหาทางเลือกในวิธีการปฏิบัติใหม่ ๆ การสร้างความสามารถหรือความมั่นใจในการปฏิบัติ จากการวางแผนรับความรู้และทักษะไปสู่การปฏิบัติ ทดลองปรับปรุงบทบาทของตนเองและดำเนินการประเมินผล พร้อมทั้งบูรณาการความรู้เผยแพร่ไปสู่สังคมบนพื้นฐานในเงื่อนไขต่าง ๆ ที่ถูกกำหนดขึ้นตามมุมมองใหม่
ในหนังสือ Understanding and Promoting Trans Formative Learning : A Guide for Educators of Adults (1994) เขียนโดย Patricia Cranton กล่าวถึงความหมายพื้นฐานกว้าง ๆ ของ Transformative Learningว่า เป็นสิ่งที่มักมีอยู่ในตนเองมากกว่าจะมาจากภายนอก โดยการอ่างหนังสือ การตีความประสบการณ์จากการติดต่อสื่อสารและมนุษยสัมพันธ์ในวิถีทางของตนเอง เป็นลักษณะของกระบวนการในการตรวจสอบ การตั้งคำถาม การให้เหตุผลและการทบทวนการับรู้ต่าง ๆ เพื่อเรียกร้องหาความจริงที่สมบูรณ์แบบ และความหมายที่เป็นสากลซึ่งเป็นอิสระจากความรู้และจุดมุ่งหมายของการศึกษา ที่จำเป็นต้องค้นหาคำตอบที่ถูกต้อง มากกว่าที่จะสะท้อนมุมมองของคนภายใต้สภาพแวดล้อมทั่วไป การพัฒนาตามแนวทางนี้ จะเป็นไปเพื่อเพิ่มหรือหรือยกระดับความสามารถในการให้เหตุผลต่อการเรียนรู้ที่ผ่านมา สะท้อนกลับไปสู่ความสามารถในการปฏิบัติ ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่รับรู้มาด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ความคิดของแต่ละบุคคลจะเคลื่อนไปสู่มุมมองในการตีความหมาย จากการวิเคราะห์อย่างเปิดเผยและผสมผสานให้เกิดความคิดที่ครอบคลุมกว้างขวาง สำหรับมุมมองที่นำมาพิจารณาจะปรากฎขึ้นจากขอบเขต 3 ลักษณะ คือ (1) มุมมองที่สัมพันธ์กับความรู้และวิธีการใช้ความรู้ กล่าวคิดบุคคลมีการเรียนรู้มาอย่างไรสิ่งนั้นจะถูกตำมาสัมพันธ์กับมุมมองในการพิจารราตีความ เพื่อนำไปใช้เสมอ (2) มุมมองบนบรรทัดฐานทางสังคมของบุคคลและความคิดหวังของสังคม ดยเชื่อว่า การกล่อมเกลาทางสังคมภายใต้เบื้องหลังทางวัฒนธรรม ภาษา ความเชื่อตามหลักศาสนา การเลี้ยงดูและการปฏิสัมพันธ์กับบุคคลอื่น ๆ ก่อให้เกิดความโน้มเอียงในการพิจารณากำหนดความหมาย และ (3) มุมมองที่พิจารณาเกี่ยวกับตนเอง โดยมองตนเองในฐานะเป็นปัจเจกบุคคล บนพื้นฐานความคิดที่เกี่ยวข้องเฉพาะของตนเอง ความต้องการและบุคลิกภาพ
สำหรับการนำสาระสำคัญในเรื่อง Transformative Learningมาพิจารณา เพื่อนำไปสู่การประยุกต์ใช้สามารถพิจารณากรอบทิศทางที่เกี่ยวข้องได้ 2 รูปแบบ คือ รูปแบบทางจิตวิทยา เป็นการอธิบายความแตกต่างระหว่างบุคคลที่มีทัศนคติแบบสนใจกับสิ่งภายนอก พร้อมที่จะปฏิสัมพันธ์กับบุคคลหรือสิ่งแวดล้อมภายนอกในขณะที่บุคคลบางส่วนมีทัศนคติสนใจสิ่งที่อยู่ภายในตนเอง แม้จะมีแรงกระตุ้นจากภายนอก ก็ไม่สามารถก่อให้เกิดความสนใจได้ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงการตัดสินใจ 2 ประเภท คือ ประเภทแรกการตัดสินใจโดยใช้เหตุผล จากการใช้ความคิดและการใช้ความรู้สึกหรือค่านิยม ส่วนประเภทที่สอง ไม่ใช้เหตุผลเป็นพื้นฐาน แต่ใช้มุมมองจากสติและมุมมองผ่านสัญชาติญาณ บุคคลแต่ละบุคคลจะมีทัศนคติและความพึงพอใจที่แตกต่างกัน ในขณะที่ต้องพิจารณาภารกิจหน้าที่หลักและหน้าที่รองตามความรับผิดชอบ เพื่อกำหนดวิถีทางการปฏิบัติหรือการตัดสินใจที่ต่างกัน กระบวนการในลักษณะ Transformative Learningที่ก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่แตกต่างกันโดยรูปแบบทางจิตวิทยาจะมุ่งพิจารณาลักษณะของบุคคลที่ควรมีปรากฎในเรื่อง ความตระหนักในค่านิยมและสมมติฐาน สภาพการณ์รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน การตั้งคำถามเพื่อแสวงหาคำตอบเกี่ยวกับค่านิยมและสมมติฐาน ความสามารถในการจำแนกกระบวนการและเนื้อหาสาระ การพิจารณารายละเอียดที่เป็นหลักฐานสำหรับการเสนอข้อคิดเห็นในการสนทนาอย่างมีเหตุผล โดยมีการทบทวนถึงค่านิยมหรือสมมติฐานที่มีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งการทบทวนมุมมองที่นำไปสู่ความหมายหรือประเด็นในการตัดสินใจขณะที่การพิจารณากรอบทิศทางในรูปแบบการเรียนรู้ จะพิจารณาจากแนวคิด 3 แบบคือ (1) การเรียนรู้จากเอกสารที่ทำให้เกิดความเข้าใจ หรือเป็นความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับผลจากการแก้ปัญหา (2) การเรียนรู้จากการติดต่อสื่อสารและเกิดเป้นความเข้าใจจากการบอกกล่าวหรือข้อคิดเห็นของผู้อื่น และ (3) การเรียนรู้ด้วยความเป็นอิสระจากการครอบงำทางความคิด ผ่านการสะท้อนกลับเชิงวิพากษ์โดยการเรียนรู้และการสะท้อนกลับจะเป็นกระบวนการที่มีหลายมิติ บุคคลหนึ่ง ๆ สามารถจะใช้การสะท้อนกลับด้านเนื้อหาอธิบายว่าปัญหาคืออะไร ใช้การสะท้อนกลับด้านกระบวนการเพื่อตรวจสอบกลยุทธ์ทีทใช้ในการเข้าถึงปัญหา หรือใช้การสะท้อนกลับด้านข้อความจริง เพื่อตั้งคำถามสำหรับตนเอง การสะท้อนกลับแต่ละชนิดสามารถเกิดขึ้นได้ภายในขอบเขตการเรียนรู้แต่ละอย่างและมีมุมมองในการตีความหมายต่างกัน แต่ทฤษฎีการเรียนรู้แบบ Transformative Learningจะสามารถเชื่อมโยงไปถึงมุมมองอื่น ๆ ในทฤษฎีการศึกษาและการพัฒนาผู้ใหญ่ รวมทั้งการเรียนรู้ด้วยการนำตนเอง ความคิดโดยสำนึกและการคิดเชิงวิพากษ์
ในการพัฒนาฝึกอบรามหรือจัดการเรียนรู้สำหรับผู้ใหญ่ในทุกลักษณะและทุกประเภท ตามแนวคิดในทฤษฎี AndragogyของMalcolm S. Knowles (1980) ที่กล่าวถึงมโนทัศน์การรับรู้หรือการเรียนรู้ของผู้ใหญ่ว่า ไม่ต้องการพึ่งพาบุคคลอื่นในทุกด้านเนื่องจากประสบการณ์ของผู้ใหญ่ที่สะสมไว้มีมากมาย จนถือเป็นแหล่งการเรียนรู้ของตนเองได้ มีความพร้อมที่ต้องการจะเรียนรู้ตามบทบาทหน้าที่ของตนในสังคม และต้องการประยุกต์แนวทางการเรียนรู้จากการยึดเนื้อหาเป็นศูนย์กลางไปสู่การลงมือปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสามารถนำความรู้ไปใช้ได้ทันทีในปัจจุบัน ไม่ต้องรอเวลา ซึ่งจะสอดคล้องกับแนวคิดของ Kidd(1973) ที่กล่าวว่าการเรียนรู้ของผู้ใหญ่จะต้องเกี่ยวข้องกับการทำงาน ความเป็นอยู่บทบาทและภารกิจของบุคคลนั้น โดยลักษณะของกิจกรรมที่เหมาะสมและทำให้ผู้ใหญ่เรียนรู้ได้ดีขึ้น จะต้องเป็นกิจกรรมทีสนองความต้องการของผู้ใหญ่โดยตรง มีเป้าหมายและวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่ชัดเจน ไม่มีข้อจำกัดเรื่องเวลา เป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมใช้เหตุผลในการตัดสินและไม่จำเป็นต้องใช้พลกำลังทางร่างกายแต่เป็นการใช้พลังทางสติปัญญา
ดังนั้น หากนำหลักการของ Transformative Learning มาเป็นข้อคิดสำหรับการพัฒนาผู้ใหญ่ระดับต่าง ๆ โดยเฉพาะในระดับบริหาร จำเป็นต้องเน้นถึงสภาพการจัดกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพจากการกำหนดเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ที่เสริมสร้างให้ผู้รับการพัฒนาเกิดความคิดที่เป็นอิสระเป็นเหตุเป็นผล ในลักษณะการเรียนรู้แบบนำตนเอง สามารถคิดวิพากษ์ประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรองคอบ รวมทั้งนำเสนอข้อมูลและพร้อมที่จะรับข้อวิจารณ์ด้วยใจเป็นธรรม เนื้อหาสาระจะต้องอยู่บนพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับสภาพการดำรงชีวิตหรือการปฏิบัติหน้าที่การงานเป็นเรื่องใหม่ ๆ ที่ทันสมัยสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ปัจจุบัน สภาพพื้นที่หรือสภาพของการปฏิบัติที่สามารถบูรณาการไปสู่การประยุกต์ใช้ในสภาพจริง การนำเสนอเนื้อหาสาระต้องมีลำดับขั้นตอนและรูปแบบที่คำนึงถึงความแตกต่างของบุคคลกลุ่มเป้าหมาย ในด้านสติปัญญา สังคม สภาพแวดล้อมและประสบการณ์ในอดีต มีลักษะของสื่อการเรียนรู้ที่สามารถช่วยกระตุ้นด้วยภาษาเขียน รูปภาพ ข้อคำถามหรือปัญหา ทั้งนี้เพื่อเสริมสร้างการแสวงหาคำตอบที่นำไปสู่การแก้ไขปัยหาที่เกิดจากกลุ่มเป้าหมายเอง สอดแทรกทั้งความสนุกสนาน ความบันเทิงที่เป็นสาระให้เกิดความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในมุมมองหลาย ๆ มิติ อันจะนำไปสู่พัฒนาการแห่งความก้าวหน้าทางความคิดและเสริมสร้างพลังทางสติปัญหาที่มีคุณค่า สำหรับนำไปใช้ปฏิบัติหน้าที่การงานในฐานะผู้นำองค์กรหน่วยงานตามความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่องสืบไป...
เอกสารอ้างอิง
Cranton, Patricia. Understanding and Promoting Transformative Learning : A Guide for Educators of Adults. San Francisco : Jossey-Bass Publishers, 1994.
Kidd, J.R. How Adults Learn. New York : Association, 1973.
Knowles, Malcolm S. The Modern Practice of Adult Education : From Pedagogy to Andragogy. Chicago : Association Press, Folett Publishing, 1980.
เขียนเมื่อ
13 สิงหาคม 2555 | อ่าน
3880
เขียนโดย