"ปรุง เปลี่ยน ปรับ ขยับขยาย"

"ปรุง เปลี่ยน ปรับ ขยับขยาย" 
พระเทพปฎิภาณวาที (เจ้าคุณพิพิธ)
วัดสุทัศนเทพวราราม
เจ้าคณะเขตดุสิต กทม

ทิศทางชีวิต..ทิศทางประเทศ และทิศทางคณะสงฆ์ ปี  '63
พุทธศักราชเก่าผ่านไป พุทธศักราชใหม่เข้ามา มีคำถามว่า "ควรทำอย่างไร" จึงจะสามารถดำรงชีวิต ธุรกิจ องค์กร สังคม ประเทศชาติ ไปรอด ขอตอบรวมๆ สั้นๆ ง่ายๆ แบบที่ต้องไปคิดกันเอง ทำกันเองว่า… ทบทวนหน้าที่ กำหนดวิถีในปีใหม่ วางแผนแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สร้างแผนพัฒนาถาวร…
ที่กล่าวมานี้คือ… "ปรุง เปลี่ยน ปรับ ขยับขยาย"
อีกทั้ง ต้องมีวิธีบริหารเชิงพุทธที่ครอบคลุมรอบด้าน 4 แผน อันเป็นแผนคู่กัน เรียกว่า"ปธาน" คือ…กำจัด และป้องกัน, สร้างสรรค์ และรักษา…
– กำจัด (ปหานปธาน) คือ สภาพความไม่ดี ส่วนตัว องค์กร แผน บุคคล ที่พิจารณาแล้วว่าเป็นภัย ดุจดังประเทศทุกประเทศที่มีตำรวจ
– ป้องกัน (สังวรปธาน) คือ อย่าให้อะไรๆ ที่ไม่ดีเกิดขึ้นใหม่อีก ดุจดังกำแพงคุก แนวป้องกันประเทศที่วางทหาร ตำรวจ ไว้ป้องกัน
– สร้างสรรค์ (ภาวนาปธาน) คือ สร้างความดี สร้างคนดีมีความสามารถ สร้างสิ่งที่ดีด้วยแผนการ และวิจารณปัญญาญาณ ทั้งในด้านส่วนตัว และองค์กร ประเทศ ทั้งวัตถุธรรม นามธรรม ให้เกิดขึ้น และต้องให้สามารถสู้สังคมโลกในยุคนี้ได้
– รักษา (อนุรักขนาปธาน) คือ รักษาความดี คนดี หลักการดี วัตถุที่ดีอันสร้างขึ้นแล้วให้ดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน สมค่า สมราคา เพิ่มมูลค่าในอนาคต อีกทั้ง ยังต้องสามารถนำไปต่อยอดได้ ดุจดั่งลายกนกไทย
หากบุคคล องค์กร ผู้บริหาร ขาดหลักการดังกล่าวมาแล้วนี้ ถือว่าย่ำอยู่กับที่ ตามไม่ทัน รวยไม่ทน จนถาวร เปรียบเหมือนไก่รองบ่อน นั่งนอนรอความหายนะ ที่อนาคตจะเข้ามาย่ำยี
ถามว่า… แล้วทางการบริหารคณะสงฆ์ไทย จะไปในทิศทางไหนจึงจะ "รอด-รุ่ง" ในภาวการณ์ของโลกที่เป็นยุค "โอฆสงสาร = โอ-ฆะ-สง-สาร" คือความวิปริตพัดผันมาอย่างรุนแรง อันเป็น… สังคมกามารมณ์ สังคมบริโภค สังคมโฮกฮาก สังคมกากเดน…
องค์กรคณะสงฆ์ต้องประเมินสร้างคมเป็นสังคมให้ชัดเจน ดั่งพระพุทธเจ้าตรัสโอฆสงสาร แล้วทรงอุบัติขึ้นในโลก ทำการต่อสู้โลกที่ตกอยู่สังสารวัฏทั้ง 4 ประการ จนพุทธศาสนารุ่งเรือง ทั้งศาสนบุคคล ศาสนธรรม ศาสนสถาน ศาสนวัตถุ ศาสนพิธี แต่ความอ่อนแอของภิกษุบริษัทยุคโอฆสงสาร และการรุกรานทางการเมือง ศาสนา ได้เข้ามาย่ำยีความเจริญ ความสุขของชาวโลก จนพระพุทธศาสนาหายไปจากหลายๆ ประเทศ เหลือแต่ "ซากที่ประกาศความเก่งกาจของพุทธบริษัทยุคก่อนเก่า"
ในเมืองไทยก็จะเป็นเช่นหลายๆ ประเทศ องค์กรคณะสงฆ์พึงมองปัญหา และความต้องการของชาวโลกให้ถ่องแท้ แล้วสร้างบุคลากรเพื่อสนองตอบความต้องการอย่างมีแผน เพื่อประโยชน์สุขของชาวโลก โดยสร้างพระเณรให้ "ดี ขลัง ดัง เด่น" ใน 7 รูปแบบ คือ…
– สร้างพระให้ศึกษาปริยัติอย่างแตกฉาน
– สร้างพระนักปกครองที่ช่ำชองเชี่ยวชาญ
– สร้างพระคณาจารย์ขมังเวทย์
– สร้างพระนักเทศน์ที่เก่งกาจ
– สร้างพระนักปราชญ์ที่แตกฉาน
– สร้างพระคณาจารย์ที่ไม่โอ้อวด
– สร้างพระที่ยอมบวชมรณาคาผ้ากาสาวพัสตร์
การสร้างพระทุกรูปแบบดังกล่าวมาแล้วนี้ ต้องมีพระที่เป็นแม่ทัพมือถึง มีการแต่งตั้งที่แม่นยำ องค์กรคณะสงฆ์ชั้นปกครองต้องพิจารณาตนเอง และสอดส่องมองลงมาว่าปัจจุบันตนเองได้มาเพราะอะไรๆ วิธีการที่ได้มาซึ่งอำนาจ หน้าที่ของตนนั่นแหละ จะเป็นทั้งผลดี และผลร้ายต่อพระพุทธศาสนา เพราะต้นอย่างไร ผลก็เป็นอย่างนั้น มององค์กรสูงสุดของคณะสงฆ์ให้ออกเสียก่อน การพัฒนาบุคลากร และการแต่งตั้ง จะได้ดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมแก่พระสงฆ์ อันจะมีผลต่อสังคม ประเทศชาติ ผู้มีสมณศักดิ์ที่บริหารในทุกระดับชั้น ต้องสำนึกเรื่องยศศักดิ์เสมอ… ว่า
– ยศศักดิ์เป็นภาระหนักของคนไม่มีความสามารถ
– ยศศักดิ์เป็นเพชฌฆาตของการบริหารที่ไม่ยุติธรรม
– ยศศักดิ์เป็นความชอกช้ำของคนผิดหวัง
– ยศศักดิ์เป็นพลังของคนดี
– ยศศักดิ์เป็นศักดิ์ที่ต้องมีความสง่างาม
คำว่า "ยศ-ศักดิ์" มิใช่สิ่งที่ดีเสมอไป สำหรับสมณภาวะที่มากไปด้วยกิเลส และการถูกบำรุงบำเรอด้วยผู้น้อย ขุนพลอยพยัก ซึ่งมีคำพูดอย่างความคิดอีกอย่าง
 
ขุนพลอยพยัก จะมีคำพูดแบบประจบสอพลอว่า…
ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย…
ขุนพลอยพยัก จะแอบซ่อนคำพูดอันฉ้อฉลว่า…
ฉิบหายผมหนี ได้ดีผมกลับ ตกอับผมทิ้ง…
 
การที่คณะสงฆ์เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ได้ให้ฆราวาสมาออกกฎเกณฑ์บังคับบัญชา ถือว่าเป็นการหมิ่นภูมิปัญญาองค์กรสงฆ์อย่างรุนแรง !
เพราะในความเป็นจริง พระในองค์กรสงฆ์มีภูมิปัญญาทั้งทางโลก และทางธรรม มากว่าฆราวาสที่ชอบวิพากษ์โจมตี ดูหมิ่นสงฆ์ องค์กรสงฆ์ต้องแสดงให้รู้ว่า ถ้าเมืองไทยไร้พระพุทธศาสนา ทุกอย่างล่มสลาย ไม่ว่าภาคการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และต้องให้รัฐบาลสำนึกว่าเศรษฐกิจขับเคลื่อนได้ด้วยพระพุทธศาสนา เอาแค่เพียงไหว้พระศักดิ์สิทธิ์ เศรษฐกิจก็ขับเคลื่อนในทุกๆ วัน เศรษฐกิจขับเคลื่อนเลื่อนไหลเพราะพระพุทธศาสนา ดูเฉพาะงานศพหนึ่งๆ ถ้าไม่ใช่พระพุทธศาสนา จะทำมาค้าขายอะไรกัน เทียบศพคนนับถือศาสนาอื่นกับศพคนนับถือพระพุทธศาสนา ใครขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยิ่งศพเศรษฐี คนมียศศักดิ์ เศรษฐกิจขับเคลื่อนทุกกระบวนการ แล้วจงบอกว่า "อย่าทำลาย"
หากจะถามว่าองค์กรสูงสุดจะบริหารอย่างไร ? ให้ศาสนาเป็นไปได้ด้วยดี
1. ต้องรักษาส่งเสริม คำสอน วัฒนธรรม ประเพณี ให้ดำรงอยู่ในแต่ละภูมิภาค ให้เจ้าอาวาสทุกวัดรักษาให้มั่นคง
2. กระจายพระสงฆ์ที่มีความรู้ความสามารถลงสู่วัดต่างๆ
3. ปริวรรตพิธีกรรมในการประกอบศาสนพิธี ให้ประชาชนเข้าใจ และมีส่วนร่วม
4. ให้ทุกวัดไหว้พระสวดมนต์เย็น เปิดโอกาสให้ประชาชนสวดมนต์ร่วมด้วยกับสงฆ์ โดยกำหนดบทสวดมนต์แบบที่รัชกาลที่ 5 โปรดให้ สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวฑฺฒโน วัดสุทัศนเทพวราราม) จัดทำหนังสือสวดมนต์เป็นต้นแบบถวาย ปัจจุบันเรียกว่า "สวดมนต์ฉบับวัดสุทัศน์" ซึ่งเป็นแบบที่ดีที่สุด วัดอื่นๆ เอาไปพิมพ์ได้ การสวดมนต์ควรสร้างบุคลากรสงฆ์ฝึกซ้อม เลื่อนเวลาให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตชุมชนถ้าทำได้ ตอนเย็นประชาชนก็มีวัดสวดมนต์ทุกวัด เดินทางไปวัดไหนๆ เข้าสวดมนต์เย็น – ค่ำ ได้ เพราะมีหนังสือสวดมนต์ฉบับเดียวกัน
ทุกวันนี้ พระก็สวดมนต์เย็น 4 โมงบ้าง 5 โมงบ้าง สวดบทไหนก็ตามใจ จะไม่ทำวัตรสวดมนต์เย็นก็ไม่ทำเฉยๆ พระหย่อนยาน สมภารเกียจคร้าน ประชาชนไม่มีสถานที่สวดมนต์ ถ้าสมภารทำไม่ได้ก็ปลดเสีย หาใหม่ แต่วัดใหญ่ๆ ต้องนำร่อง หลังสวดมนต์บำเพ็ญกัมมัฏฐาน มีคำอาราธนาพระกัมมัฏฐานเป็นแบบเดียวกัน มีการอัญเชิญพระไตรปิฎกที่วิเคราะห์แล้วว่าควรเทศน์สอนทุกวัน และสอดคล้องกับการแก้ปัญหา พัฒนามนุษย์ ซึ่งเห็นว่า"พระไตรปิฎกฉบับสำนักพิมพ์ลูกสาว ส. ธรรมภักดี" เป็นพระไตรปิฎกที่เรียบเรียงไว้เทศน์สอน เพียงตั้งนะโม ฯลฯ 3 จบ เทศน์อ่านได้เลย ให้วัดแต่ละวัดวิเคราะห์เอง ปรับเปลี่ยนภาษาเอง และภูมิภาคใดมีคัมภีร์เทศน์ให้เทศน์แบบอ่านคัมภีร์ รักษาศาสนพิธีในการรับศีลฟังเทศน์ของภูมิภาคให้มั่นคง
5. การไหว้พระสวดมนต์ให้จัดที่วิหาร โบสถ์ เพื่อการกราบไหว้พระประธาน มิใช่ทำที่หอสวดมนต์ ทั้งนี้ อุโบสถ วิหาร จะถูกทำความสะอาดทุกวัน เพื่อรองรับประชาชน
6. การใช้สื่อ โทรทัศน์ วิทยุ สวดมนต์ ฟังเทศน์ วันละ 2 ชั่วโมง เวลาเย็น ปรับเปลี่ยนวัดกันไป จะทำให้พระสงฆ์มีการเตรียมตัว จะใช้แบบออนไลน์ ยิงสัญญาณสู่ช่องใหญ่ก็ได้ รัฐจัดอุดหนุนบุคลากร และค่าเวลา
เพียงเท่านี้ นิมิตหมายอันดีก็จะเกิดขึ้นแก่คณะสงฆ์ สังคม ส่วนเมื่อมีปัญหาใดใด ค่อยแก้ไข ค่อยพัฒนากันไป …อย่าท้อ อย่าวางแผนแบบฝันเฟื่อง… ทำให้ครบ 3ก้าว คือ ก้าวแรก ก้าวหน้า ก้าวกระโดด แต่ถ้าย่ำอยู่กับที่ ก็เหมือนเดิม นับวันจะเสื่อมไปตามสภาพความเกียจคร้าน และกระแสรุกรานของความเสื่อมของสังคมโลก
ในชีวิต และสมัยของสมเด็จพระสังฆราชองค์หนึ่งๆ ย่อมต้องมี "อนุรักษ์-พัฒนา"เหมือนเกียรติคุณของพระมหากษัตริย์ ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ตรัสถึงคุณลักษณะพิเศษของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีแต่ละพระองค์ เป็นภาษาอังกฤษให้ชาวต่างชาติฟัง ซึ่งสืบกันได้
"แต่ถ้าในชีวิตตำแหน่งของสังฆราชองค์หนึ่งๆ ซึ่งมีองค์กรเป็นมหาเถรสมาคม มิได้มีการอนุรักษ์พัฒนาเป็นเอกลักษณ์ เกียรติคุณก็ไม่ปรากฏ ตำแหน่งต่างๆ ที่ไร้ตำนาน ก็คือความหยุดนิ่งของยุคสมัยที่ดำรงตำแหน่ง"
ที่กล่าวมานี้ มิใช่เพียงวิจารณ์ แนะนำ ให้เกิดความกินแหนงแคลงใจ อะไรที่ทำไม่ได้ และไม่เคยทำ จะไม่แนะนำใคร เพราะ "หนึ่งนิ้วชี้ที่ชี้แจง ชี้แนะ ชี้นำ ชี้ชวน ชี้ถูก ชี้ผิด"จะมีคำถามกลับมาว่าเหมือนนิ้วทั้ง 4 ที่กำไว้แล้วชี้เข้าหาตัว จะเกิดเป็นคำ 4 คำว่า
– ท่าน-ทำ -ได้-ไหม
– ท่าน-ทำ-เป็น-ไหม
– ท่าน-ทำ-หรือ-ยัง

เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2563 | อ่าน 5807
เขียนโดย พระณรงค์เดช

       
 
 
  อ่าน ธรรมะวันนี้ อื่นๆ
 
เปรต วิบากกรรมของผู้ยุยงให้คนอื่นแตกแยก
เปรต วิบากกรรมของผู้ยุยงให้คนอื่นแตกแยก พระพุทธศาสนากล่าวถึงวิบากกรรมของคนที่ชอบพูดยุยงให้คนอื่นแตกแ
30/08/2565
เปิดอ่าน 6117
 
ซื่อสัตย์
เรือลำนั้นชื่อ ซื่อสัตย์
09/10/2564
เปิดอ่าน 4172
 
นางฟ้าตกสวรรค์
โลกมนุษย์​ ยาวนานจริงหรือ​ อย่าประมาทในการทำความดี
06/10/2562
เปิดอ่าน 8953
 
สาธุ​ คืออะไร?
สาธุ
18/04/2562
เปิดอ่าน 5542
 
ธรรมชาติแมงป่อง
ธรรมชาติแมงป่อง
14/04/2562
เปิดอ่าน 4991
 
เต่าตาบอด
เต่าตาบอด​ 100ปี​ ยื่นคอขึ้นเหนือน้ำให้ลอดแอก​ยากยิ่งนัก
02/02/2562
เปิดอ่าน 5159
 
งูกับการสวดมนต์
งูกับการสวดมนต์
20/06/2561
เปิดอ่าน 5379
 
ลอยกระทง
ลอยกระทง เป็นประเพณีสำคัญที่ชาวไทยสืบทอดกันมาช้านานตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี
03/11/2560
เปิดอ่าน 6149
 
เปิดกลโกง กับคนโกง 8 จำพวกในพระไตรปิฎก
เปิดกลโกงกับคนโกง 8 จำพวกในพระไตรปิฎก ประเภทของคนโกงถูกเตือนแล้วโกรธ ไม่ใช่โกงเงินทอง แต่โกงความดี
01/11/2560
เปิดอ่าน 5643
 
บริษัท ๔ ป.อ.ปยุตโต
บริษัท ๔
23/09/2560
เปิดอ่าน 5085
 
 
 
 
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
เว็บไซต์และข้อมูลของโรงเรียนทุกโรงเรียนในเว็บไซต์นี้ สงวนลิขสิทธิ์ การนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์อื่นใด
ต้องได้รับการอนุญาต จากเจ้าของเว็บไซต์ก่อนเสมอ
 
สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา(สนก.)
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ
ถนนราชดำเนินนอก เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทรศัพท์ 02-288-5889-90 โทรสาร 02-288-5879
Powered by ThaiAppCenter.com ศูนย์รวมแอปมือถือไทย
โครงการสถานศึกษาวิถีพุทธ สำนักงานพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
79 หมู่ที่ 1 ถนนพหลโยธิน หลักกิโลเมตรที่ 55 ตำบลลำไทร
อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รหัสไปรษณีย์ 13170
โทรศัพท์: 083 305 2392 |
เจ้าหน้าที่เว็บไซต์เข้าสู่ระบบ
พัฒนาเว็บไซต์โดย: สคูลจ๊อบ สมัครครู ประกาศรับสมัครครู สมัครงานโรงเรียน www.schooljob.in.th