รุ่งอรุณแห่งการศึกษาวิถีพุทธเพื่อการฉลองพระชันษาสมเด็จพระญาณสังวร
สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ๑๐๐ ปี ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖
แนวคิดเบื้องต้น
ในวาระโอกาสอันเป็นมงคลของพุทธศาสนิกชนฉลองพระชันษาสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก๑๐๐ปี ๓ ตุลาคม ๒๕๕๖ การบูชาและแสดงกตัญญูกตเวทิคุณเป็นที่สุดต่อสมเด็จพระสังฆราช คือ การให้ธรรมทาน กับเยาวชนอันเป็นอนาคตของประเทศไทย ด้วยการสนับสนุนนำเอาหลักธรรมในพุทธศาสนา เป็นหลักในการเรียนการสอนในโรงเรียน หรือที่เรียกกันว่า “การศึกษาวิธีพุทธ”
การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในระบบการศึกษาไทยเพื่อการพัฒนาเยาวชนให้เป็นผู้มีคุณธรรม คือ ธรรมทานอันสำคัญซึ่งขับเคลื่อนให้เกิดโรงเรียนวิถีพุทธ โดยได้นำแนวคิดจากอารยสงฆ์ทั้งในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งของพระพรหมคุณาภรณ์ว่าด้วยรุ่งอรุณแห่งการศึกษาหรือบุพนิมิตของการเรียนรู้คือ โยนิโสมนสิการ และกัลยาณมิตร และนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตร การจัดการเรียนการสอน วิถีปฏิบัติและกิจวัตรประจำวัน และการพัฒนาครูของโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการ
ด้วยเหตุนี้จึงควรสนับสนุนและส่งเสริมให้การเผยแผ่พระพุทธศาสนากับเยาวชน ผู้ปกครอง ครู และบุคลากรทางการศึกษามีความก้าวหน้าและยั่งยืนโดยการขับเคลื่อนด้วยแนวทางที่หลากหลาย
กิจกรรมหลักตามโครงการ
-
การปฏิบัติบูชาของครู และบุคลากรทางการศึกษา ทั้งการปฏิบัติธรรม และการภาวนาในชีวิตประจำวัน เพื่อดำรงตนเป็นกัลยาณมิตรของเยาวชนและผู้ปกครอง
-
กระบวนการสร้างการมีส่วนร่วมของคณะครูเพื่อก่อให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจในการขับเคลื่อนโรงเรียนวิถีพุทธ
-
การส่งเสริมให้การประพฤติอันดีงามของนักเรียนงอกเงยจากการได้โอกาสเรียนรู้ผ่านการลงมือปฏิบัติ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การรับฟัง และให้ความเห็นสะท้อนกลับ จนเกิดเป็นความรับรู้ และเจตนาใหม่ในการคิดดี พูดดี และทำดี
-
การสนับสนุนผู้ปกครองให้มีวิถีชีวิตที่เป็นแบบอย่างให้กับเยาวชน มีจิตใจที่เป็นปกติห่างไกลจากอบายมุข ให้ความรักและความเข้าใจต่อลูกหลาน และมีจิตสาธารณะ เพื่อสร้างครอบครัวเข้มแข็ง
เป้าหมายของโครงการ
-
ปีที่ ๑ มีโรงเรียนนำร่อง เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า ๑๐๐ โรงเรียน คุณครู ๑,๐๐๐ คน นักเรียน ๑๐,๐๐๐ คน
-
ปีที่ ๒ มีโรงเรียน เข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า ๕๐๐ โรงเรียน ครู ๕๐๐ คน นักเรียน ๕๐,๐๐๐ คน
ระยะเวลาของโครงการ
-
ระยะที่ 1 ตั้งแต่ เดือน เมษายน 2556 ถึง มีนาคม 2557
-
ระยะที่ 2 ตั้งแต่ เดือน เมษายน 2557 ถึง มีนาคม 2558
องค์กรที่จะเชิญเข้าร่วมโครงการ (ในขั้นต้น)
-
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.)
-
มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย (มมร.)
-
สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
-
กระทรวงศึกษาธิการ
-
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
-
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
-
ศูนย์จิตตปัญญาศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล
-
สถาบันอาศรมศิลป์ เป็นต้น
โครงการประกอบ
-
การจัดประชุมเครือข่ายเอเชีย-แปซิฟิกเพื่อการศึกษาแบบองค์รวม
ผลการหารือระหว่างผู้เกี่ยวข้องในการจัดการประชุมAsia-Pacific Network for Holistic Education (APNHE)ในรูปแบบของการสัมมนาโต๊ะกลม (Roundtable Meeting)ได้ข้อสรุปดังนี้
-
กำหนดการคือ วันศุกร์ที่ ๒๔ และวันเสาร์ที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๕๖ ณ มหาวิทยาลัยมหิดล (ศาลายา)
-
วัตถุประสงค์สำคัญคือ การนำเสนอผลการทำงานและจุดที่ต้องพัฒนาปรับปรุง เพื่อขอหารือและรับฟังข้อเสนอแนะ นอกจากนี้ จะมีการแลกเปลี่ยนในเรื่องการก่อตั้งเครือข่ายฯ และการจัดงานInternational conference for Holistic Education เพื่อเผยแพร่ผลงานวิจัยจากการปฏิบัติงาน และยกระดับการเรียนรู้ด้านการศึกษาแบบองค์รวม
-
ความเข้าใจร่วมกันต่อการศึกษาแบบองค์รวม
การศึกษาแบบองค์รวมมีความเข้าใจพื้นฐานว่า มนุษย์แต่ละคนจะค้นหาอัตลักษณ์ (Identity) ความหมาย (meaning) และเป้าหมายของชีวิตผ่านความเชื่อมโยงที่ตนมีต่อชุมชนและโลกภายนอก และคุณค่าของมนุษย์ เช่น ความกรุณา สันติภาพ ในการค้นหานี้เป็นการเรียนรู้แบบเป็นส่วนทั้งหมดของความหมายที่หลากหลายระดับ และประสบการณ์นานาประการ เมื่อมองในแง่มุมของการศึกษา การศึกษาแบบองค์รวมมีเป้าหมายการพัฒนาผู้เรียนทั้งด้านปัญญา อารมณ์ สังคม กายภาพ และศักยภาพด้านศิลปะ ความสร้างสรรค์ และจิตใจ ซึ่งสามารถประมวลได้ดังนี้
-
ด้าน Ultimacy หมายถึง การรู้แจ้งในความสัมพันธ์ระหว่างจิตใจกับชีวิตภายนอก มองในแง่จิตวิทยา สิ่งนี้คือการบรรลุในตนเอง (Self-actualization) ที่มนุษย์แต่ละคนควรมุ่งไปสู่การพัฒนาจิตใจขั้นสูงสุดของตน
-
สมรรถนะทางจิตใจ (Sagacious competence) หมายถึง การแสดงออกถึงจิตใจที่มั่นคงและใคร่ครวญอย่างถูกต้อง ได้แก่ การมีอิสรภาพ (Freedom) ปลอดจากความเห็นผิด เกิดสัมมาทิฐิ (Good-judgment) ด้วยการเรียนรู้ขั้นสูงของตน (Meta learning) การมีความสามารถทางสังคม (Social ability) การทำให้เกิดคุณค่าแท้ในใจตน (Refining values) เพื่อพัฒนาคุณลักษณะและนิสัยของตน และการรู้จักตนเอง (Self knowledge) ซึ่งเป็นการพัฒนาอารมณ์
-
การจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อการศึกษาแบบองค์รวม
เนื่องจากการขับเคลื่อนในเรื่องการจัดตั้งเครือข่ายฯเป็นภารกิจระยะยาวและเป็นการยกระดับการรวมตัวของแวดวงผู้ทำงานด้านนี้ในประเทศไทยด้วย จึงเห็นสมควรพิจารณาดังนี้
-
จัดตั้งคณะกรรมการเพื่อรองรับงานด้านนี้ เครือข่ายที่ทำงานด้านโรงเรียนวิถีพุทธ ลักษณะสำคัญของคณะกรรมการ คือ มีความคล่องตัวในการประชุม และติดตามการทำงาน ขณะเดียวกันก็มีศักยภาพด้านการเชื่อมโยงองค์กร หน่วยงาน และเครือข่ายอื่นๆด้วย
-
จัดตั้งกองทุนเพื่อการวิจัยการศึกษาแบบองค์รวม
โดยที่การพัฒนาเครือข่ายฯนี้มียุทธศาสตร์สำคัญคือ การสร้างผลงานทางวิชาการว่าด้วยการศึกษาแบบองค์รวม ในเรื่องนี้จึงมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนดังกล่าวคือ
-
เป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์การปฏิบัติงานขับเคลื่อนการพัฒนากาย ศีล จิต และปัญญาของเยาวชน ครู ครอบครัว และคนทำงานในองค์กร โดยเชื่อมโยงองค์ความรู้ในระดับประเทศ(Local)กับระดับโลก (Global)
-
บทบาทหน้าที่ของกองทุนฯในการจัดตั้งกองทุนขึ้นรองรับยุทธศาสตร์นี้ ให้สำนักงานของกองทุนนี้ขับเคลื่อนการวิจัยการศึกษาแบบองค์รวมทั้งด้านนวัตกรรมการเรียนรู้ด้านการปฏิบัติธรรม การภาวนา จิตวิทยา การให้คำปรึกษา การศึกษาด้านพลเมือง เป็นต้น โดยทำหน้าที่สร้างการมีส่วนร่วมของบุคคลในแวดวงต่างๆด้านนี้ให้พัฒนาผลงานทางวิชาการ
กำหนดทิศทางการวิจัยการศึกษาแบบองค์รวมเพื่อพัฒนาพลเมืองโลก
โดยที่แนวโน้มการขับเคลื่อนการศึกษาแบบองค์รวมในระยะต่อไปเน้นเนื้อหาสำคัญ(Theme)ด้านการศึกษาและพัฒนาพลเมืองโลก เช่น การประชุมวิสาขโลกในปีพ.ศ.๒๕๕๖ หัวข้อสำคัญประการหนึ่งคือ การศึกษาและพัฒนาพลเมืองโลกแนวพุทธ เนื้อหาหลักดังกล่าวมีสาระที่เปิดกว้างรองรับการทำงาน และการวิจัยในด้านการพัฒนากาย ศีล จิต และปัญญาของเยาวชน และครอบครัว ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่จะพิจารณากำหนดทิศทางการวิจัย เพื่อสื่อสารและกระตุ้นให้แวดวงการศึกษาแบบองค์รวมในสังคมไทยได้พิจารณาเข้าร่วมศึกษาวิจัยภายใต้เนื้อหาสำคัญดังกล่าว
รายละเอียดติดตามได้ที่นี่ ต่อไป..
เขียนเมื่อ
5 กุมภาพันธ์ 2556 | อ่าน
2961
เขียนโดย
admin