" สุคติกถา "เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ น้องBenz
ธรรมะจากพระพรหมบัญฑิต
" สุคติกถา "เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ
งานศพคุณเบนซ์ ที่รถโดนชนจนไฟครอกเสียชีวิต. พระพรหมบัณฑิตย์ เจ้าอาวาสวัดประยูรและอธิการบดีมหาจุฬาฯ ได้เทศนาในงานศพแก่ญาติโยม วันสวดศพคืนสุดท้าย18มี.ค.59 ดีมากครับ "
พระพรหมบัณฑิต ศ.ดร. อธิการบดี มหาจุฬา ฯ แสดงพระธรรมเทศนา เรื่อง " สุคติกถา "เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ล่วงลับ นิสิตปริญญาโท สาขาวิชาสันติศึกษา มหาจุฬาฯ
นางสาวธันฐภัทร์ ฮ้อแสงชัย (น้องBenz)
สุคติกถา........ว่าด้วยการไปสู่สุคติ สู่สวรรค์
สรุปความว่า...น้องเบนซ์ "จากไปอย่างไม่วันกลับ หลับอย่างไม่มีวันตื่น" ของน้องเบนซ์ วันนี้ญาติสนิทมิตรสหายบุคคลอันเป็นที่รัก พร้อมใจกันแสดงน้ำใจทั้งฝ่ายบรรพชิตและคฤหัสถ์เป็นจำนวนมาก มาเพื่อแสดงน้ำใจให้ปรากฎในยามสูญเสียอย่างกระทันหันของครอบครัวฮ้อแสงชัย โดยท่านที่มาในค่ำคืนนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ คือ
๑.มาเพื่อแสดงน้ำใจ
๒.มาเพื่อให้ได้ธรรมะ
๓.มาเพื่อทักษิณานุประทาน ซึ่งเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้ผู้วายชนม์ มาเพื่อเเสดงน้ำใจนั้น ในฐานะเพื่อน ในฐานะญาติ ในฐานะครอบครัวสันติศึกษา เป็นหลักสูตรระดับปริญญาโท-เอก ของมหาจุฬา และที่สำคัญมาแสดงออกแห่งการสูญเสียครั้งสำคัญของครอบครัว สูญเสียแบบยังไม่ทันตั้งตัวเพราะเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน นำมาซึ่งความเศร้าโศก ความเศร้าโศกลดได้บ้างเพราะน้ำใจของพวกเราที่มาร่วมงาน อันแสดงถึงความเป็นกัลยาณมิตร ผู้ปรารถนาดีต่อกัน ในยามมีความสุขกัลยาณมิตรเพิ่มความสุขเป็นหลายเท่า แต่ในยามเศร้านั้น กัลยาณมิตรลดความเศร้าให้น้อยลง โดยเฉพาะคนที่ยังอยู่ เป็นการแบ่งเบาความเศร้า
มาแล้วยังได้ธรรมะไปด้วย โดยเฉพาะความไม่เที่ยงของชีวิต ความไม่ประมาทในการดำรงชีวิต และคติธรรมที่เราพึงจะได้จากน้องเบนซ์ โดยเฉพาะความไม่เที่ยงของชีวิต เราไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า ท่านเรียกว่า "ความลับของแต่ละชีวิต" ที่เจ้าของชีวิตไม่มีโอกาสทราบล่วงหน้า มีอยู่ ๕ ประการ แม้แต่น้องเบนซ์ก็ไม่ทราบ ชีวิตของคนเราไม่มีนิมิตบอกล่วงหน้า ๕ ประการ
ประการที่หนึ่ง คือ "เราไม่รู้ว่าจะอยู่ในโลกนี้อีกกี่ปี" ท่านทราบไหมว่าเราจะอยู่อีกกี่ปี ชีวิตของน้องเบนซ์ อายุ ๓๔ ปี ๒ เดือน ก็แล้วแต่คุณภาพของชีวิต พระพุทธเจ้า ตรัสว่า..."ต่อให้อยู่ร้อยปี แต่ถ้าเป็นชีวิตที่ประมาท ก็สู้อยู่แค่วันเดียวอย่างมีธรรมะไม่ได้" ชีวิตน้องเบนซ์อยู่ใกล้กับธรรมะตลอดเวลา แม้ก่อนจะเสียชีวิตยังต้องวางแผนจะไปนมัสการสังเวชนียสถานในแดนพุทธภูมิในวันพรุ่งนี้ (๑๙ มีนาคม ๒๕๕๙) น้อมจิตไปถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อย่างนี้ชื่อว่าเป็นชีวิตที่ไม่ประมาท เป็นชีวิตที่มีคุณภาพ จะมากจะน้อยวันไม่สำคัญ พระพุทธเจ้าตรัสว่า " ชีวิตที่ไม่ประมาทอยู่เพียงวันเดียวก็มีค่ากว่าชีวิตของผู้ประมาทที่อยู่เป็นร้อยปี " เราอาจไม่รู้ล่วงหน้าว่าจะอยู่กี่ปี แต่ถ้ายังมีลมหายใจก็อย่าประมาท สร้างคุณค่าให้กับชีวิตต่อไป
ประการที่สอง คือ "เราไม่อาจรู้ว่าจะตายด้วยวิธีการใด" หรือ อุบัติเหตุ แต่การจากไปของน้องเบนซ์ไม่ใช่เรื่องแปลกในประเทศไทยเลย เพราะประเทศไทยเพิ่งได้จัดอันดับโลกเมื่อเดือนที่แล้ว โดยการทำวิจัย ๑๙๓ ประเทศทั่วโลก ว่าประเทศใดมีอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลก ชีวิตไม่มีความปลอดภัยบนท้องถนนมากที่สุด อันดับหนึ่งของโลกคือ ประเทศนาบิเบีย คนประสบอุบัติเหตุในปีหนึ่งๆ ๔๕ คนใน ๑๐๐,๐๐๐ คน จัดว่าอันตรายที่สุดในโลก อันดับสองของโลก คนประสบอุบัติ ๔๔ คนใน ๑๐๐,๐๐๐ คน โปรดทราบว่า นั่นคือประเทศไทย บทเรียนหนึ่งที่ประเทศเกิดขึ้นครั้งนี้น่าจะเตือนสติผู้รับผิดชอบการจราจรในประเทศไทยว่า ทำอย่างไรให้การสูญเสียครั้งนี้เป็นบทเรียนให้มีความรอบคอบ ระมัดระวัง ควบคุม ดูแลให้อุบัติเหตุในประเทศไทยน้อยลงบ้าง อุบัติเหตุที่เกิดแต่ละครั้งต้องเป็นคติสอนใจและแก้ไข เวลาเกิดอุบัติเหตุเครื่องบินแต่ละครั้ง เขาไม่ปล่อยให้สูญเปล่า ทำไมเครื่องตก เขาจะทีมศึกษา และรู้สาเหตุ สอบสวนอุบัติเหตุของเครื่องบิน แล้วก็หามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ทำให้การเดินทางด้วยเครื่องบินปลอดภัยยิ่งขึ้น ไม่มีการนิ่งนอนใจ ฉะนั้น ความสูญเสียต้องเป็นเครื่องเตือนจิตสะกิดใจ ว่าถึงเวลาหรือยังว่าคนไทยเราเป็นประเทศที่มีอันตรายติดอันดับสองของโลก ให้ความสูญเสียครั้งนี้ เป็นเครื่องสะกิดใจไปทั่วประเทศ รณรงค์ให้มากขึ้น การสูญเสียของน้องเบนซ์ต้องเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ ประเทศที่มีความปลอดภัยที่สุดในการขับรถ คือ "มัลดีฟส์" มีอัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ๒ รายต่อประชากร ๑๐๐,๐๐๐ คน
ประการที่สาม คือ "เป็นความลับว่าเราจะจากโลกนี้ไปในเวลาใด" จะเป็นเวลาเช้า สาย บ่าย ค่ำ เห็นหน้ากันอยู่ทุกวัน ทำให้นึกถึงรัชกาลที่ ๕ ผู้สถาปนามหาจุฬาทรงพระราชนิพนธ์ไว้ว่า "เห็นหน้าอยู่เมื่อเช้าสายตาย สายอยู่สุขสบายบ่ายม้วย บ่ายสดชื่นรื่นราย เย็นดับชีพแฮ เย็นอยู่หยอกลูกด้วย ค่ำม้วยอาสัน" ทุกชีวิตก็เป็นเช่นนี้ไม่มีข้อยกเว้น
ประการที่สี่ คือ "เราไม่อาจรู้ล่วงหน้าว่าจะทอดร่างลงดับจิตในสถานที่ใด" จะเป็นที่บ้าน โรงพยาบาล หรือ กลางถนน ไม่มีสิทธิ์รู้ ไม่มีสิทธิ์เลือก เป็นความลับของแต่ละชีวิต
ประการที่ห้า คือ "ตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน" เราไม่อาจคาดล่วงหน้าได้ ขึ้นอยู่ว่าขณะดับจิตเรานึกถึงสิ่งใด เราทำบุญทำบาปไว้มากมาย เราจะไปเกิดโดยใช้บุญหรือใช้บาป ขึ้นอยู่สุดท้ายเรียกว่า " จุติจิต " นึกถึงอะไร มีอยู่ ๓ เรื่อง คือ ๑.กรรม เราทำกรรมทั้งดีทั้งชั่ว นึกถึงกรรมใด ในวาระสุดท้ายก็ไปเกิดตามกรรมนั้น ๒.ไม่ได้นึกถึงกรรม นึกถึงกรรมนิมิต เครื่องมืออุปกรณ์ในการทำกรรม เช่น ตักบาตร นึกถึงขันข้าว นึกถึงทัพพีที่เคยตักอาหารใส่บาตร สร้างกุฏิ สร้างวิหาร เห็นกุฏิเห็นวิหาร วาระสุดท้ายจะกลายเป็นวิมานให้เราไปอยู่ในภพภูมิต่อไป ๓.คตินิมิต ฝันเห็นล่วงหน้า เป็นนิมิตเห็นสวรรค์ เห็นวิมาน รอรับเพื่อไปเกิดเป็นสุขคติ ฝันถึงภพภูมิที่จะไปเกิด ในกรณีน้องเบนซ์ชีวิตของเธอบริสุทธิ์ดุจผ้าขาวเหมือนผ้าขาว เสื้อสีขาวที่เธอใส่ในวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะเธออธิษฐานจิตว่าร่างกายและใจนี้จะให้บริสุทธิ์ กายบริสุทธิ์เพื่อรองรับจิตที่บริสุทธิ์ ประดุจดั่งจิตของพระ น้องเบนซ์อธิษฐานให้เกิดเป็นผู้ชาย เพราะอยากบวชเป็นพระ จิตนึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งแต่เช้าที่ใส่บาตร จิตมุ่งต่อพระรัตนตรัย จิตเมื่อผูกพันกับเรื่องที่ดี ย่อมไปสู่สุคติสวรรค์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า..."เมื่อจิตผ่องใสไม่เศร้าหมอง ย่อมไปสู่สุคติโลกสวรรค์" ดั่งจิตของน้องเบนซ์มุ่งมั่นไปสู่แดนพุทธภูมิ ซึ่งมีวันกำหนดเดินทางไปอินเดียเนปาลในวันพรุ่งนี้ คือ " ๑๙ มีนาคม ๒๕๕๙ " จิตที่ผูกพันแม้ไม่สมประสงค์ ถึงกายไม่ได้ไปแต่ใจไปถึงแน่แท้ ไปบูชาพระพุทธเจ้าล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว
ทำให้นึกถึงเรื่องในพระไตรปิฎก ที่ท้าวสักกะเทวราชถามนางเทพธิดาอุบัติขึ้นในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานเป็นสีทอง ท้าวสักกะถามว่า เธอ ทำบุญอะไรมา นางเทพธิดาตอบว่า ดิฉันไม่ได้ทำบุญอะไรหรอก เพราะเป็นคนยากจน ตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ เห็นเขาฉลองพระเจดีย์บรรจุพระสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าฝันเหลือเกินอยากไปไหว้พระเจดีย์เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ แต่ไม่มีอะไรจะบูชา จนวันหนึ่งไปเก็บผัก จึงเห็นดอกบวบขมสีเหลืองงดงามมาก จึงดีใจมากที่จะได้บูชาพระพุทธเจ้าด้วยดอกไม้สีเหลือง จึงเก็บดอกบวบขม ๔ ดอก ตาจ้องพระเจดีย์ด้วยความศรัทธา ในขณะนั้นวัวบ้ามันหลุดมาวิ่งไล่ขวิดคนไปทั่ว ไม่ทันได้ระวังว่าวัวกำลังวิ่งเข้ามา เพราะจิตผูกพันกับพระเจดีย์มาก ทำให้วัวขวิดสิ้นใจ แม้ว่าตัวยังไปไม่ถึงพระเจดีย์ แต่จิตที่บูชาพระพุทธองค์นั้น จิตผ่องใส ทำให้ดิฉันได้มาเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นี่เป็นเรื่องที่บันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ถ้าจิตแน่วแน่อะไรก็ขวางกั้นไม่ได้ แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะนิพพานไปแล้วหรือมีชีวิตอยู่ ถ้าจิตของผู้บูชา เลื่อมใสแน่วแน่ผลแห่งการบูชาเท่ากัน ฉะนั้น การที่เราไหว้พระด้วยจิตใจเลื่อมใสมีผลเท่ากันกับพระองค์มีชนม์ชีพอยู่ และเชื่อว่าจิตของน้องเบนซ์ส่งไปไหว้พระพุทธเจ้า ย่อมจะพาให้น้องเบนซ์ไปสู่สุคติอย่างไม่ต้องสงสัย จิตที่ทำบุญอย่างสม่ำเสมออย่างน้องเบนซ์ ไปสู่สุคติอย่างแน่นอน บุญกุศลเป็นที่พึ่งส่งเป็นเสบียงให้กับจิตวิญญาณของน้องเบนซ์ พระพุทธเจ้าตรัสว่า..."บุญกุศลเป็นที่พึ่งในปรโลกของผู้จากโลกนี้ไป" เพราะ บุญเป็นเงาเฝ้าตามติด บุญเป็นมิตรในทุกที่ คอยช่วยเหลือเอื้ออารี จากโรคีปลอดโพยภัย บุญพิทักษ์บุญรักษา บุญนำพาพบสุขใส แม้ล่วงลับดับชีพไป บุญส่งให้สู่สวรรค์สุขาวดี
เป็นที่แน่นอนว่าบุญที่น้องเบนซ์ที่ได้ทำอย่างสม่ำเสมอ และบุญที่เราอุทิศไปให้นั้น ย่อมจะเป็นพลังบุญให้น้องเบนซ์ไปสู่สุคติสัมปรายภพสืบไป
++ประโยคสำคัญ++
"ความลับของแต่ละชีวิต"
"ชีวิตที่มีคุณภาพ สร้างคุณค่าให้กับชีวิต"
"ไทยติดอันดับสองของโลก ชีวิตไม่มีความปลอดภัยบนท้องถนน"
"บทเรียนอันยิ่งใหญ่ เตือนสติผู้รับผิดชอบจราจร อย่าให้การสูญเสียครั้งนี้สูญเปล่า"
สรุปและถอดบทเทศนาเพื่ออุทิศให้น้องเบนซ์
โดย...พระปราโมทย์ วาทโกวิโท
ในฐานะนิสิตครอบครัวสันติศึกษา
พุทธศาสตรมหาบัณฑิต
๑๘ มีนาคม ๒๕๕๙
เวลา ๒๓.๕๐ น.
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม1 :
Download?
(152 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม2 :
Download?
(152 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม3 :
Download?
(152 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม4 :
Download?
(152 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม5 :
Download?
(152 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม6 :
Download?
(152 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม7 :
Download?
(152 kb)
ดาวน์โหลดเอกสารเพิ่มเติม8 :
Download?
(152 kb)
เขียนเมื่อ
26 มีนาคม 2559 | อ่าน
17477
เขียนโดย
admin
|